1. การเจาะเลือด 1.1 ก่อนเจาะเลือด ผู้เจาะเลือดต้องตรวจสอบชื่อผู้ป่วยในใบสั่งตรวจ และภาชนะ (Tube) ที่ใช้เก็บสิ่งส่งตรวจ ให้ถูกต้องตรงกับผู้ป่วยทุกครั้งที่ทำการเจาะเลือด 1.2 เตรียมภาชนะ (Tube) สำหรับการเจาะเลือดให้ถูกต้องตรงกับการทดสอบ 1.3 หลีกเลี่ยงการเจาะเลือดข้างเดียวกับที่ให้สารที่เป็นน้ำ / อาหาร / ยา 1.4 ใช้สายรัด (Tourniquet) รัดบริเวณต้นแขนเพื่อให้เห็นเส้นเลือดดำชัดเจนขึ้น เลือกบริเวณเจาะใต้ข้อ พับ เล็กน้อย ยกเว้นบางกรณีอาจต้องเจาะจากบริเวณข้อมือหรือข้อเท้าและไม่ควรรัด แขนนานเกิน 1 นาที 1.5 ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะเจาะเลือดด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ โดยเช็ดจากจุดศูนย์กลางหมุนวนเป็น วงกลมออกสู่ด้านนอก รอจนแอลกอฮอล์แห้ง ห้ามนิ้วสัมผัสตำแหน่งที่จะเจาะอีก 1.6 ทำการเจาะเลือด โดยใช้นิ้วหัวแม่มือดึงผิวหนังใต้ตำแหน่งที่จะเจาะ (1-2 นิ้ว) ให้ตึง หงายปลายตัดของ เข็มขึ้น แทงลงในตำแหน่งที่กำหนดโดยให้ เข็มทำหมุนประมาณ 15 องศากับแขนคนไข้ค่อยๆ ดึงก้าน Syringe เพื่อเก็บเลือดจนครบตามจำนวน ให้คนไข้คลายมือและดึงสายรัดออก 1.7 ใช้สำลีแห้งปราศจากเชื้อ กดบริเวณรอยเจาะเบาๆ พร้อมถอดเข็มออก ให้คนไข้กดห้ามเลือด ประมาณ 2-3 นาที และปิดพลาสเตอร์เมื่อเลือดหยุดไหลแล้ว 1.8 ทิ้งหัวเข็มลงในภาชนะสำหรับทิ้งของมีคม (ติดเชื้อ) 1.9 ใส่เลือดลงในหลอดเลือด ปริมาณตามความเหมาะสมสำหรับการตรวจวิเคราะห์ ทิ้ง Syringe ในถังขยะติดเชื้อ จากนั้นปิดฝาและผสมหลอดเลือดที่มีสารกันเลือดแข็งทันที โดยพลิกหลอดเลือดกลับไปมา ประมาณ 10 ครั้งเพื่อให้เลือดผสมกับสารที่อยู่ในหลอดให้ ้เข้ากันและป้องกันไม่ให้เลือด แข็งตัว 1.10 กรณีที่มีการส่งตรวจหลายรายการทดสอบและต้องใช้หลอดเลือดหลายหลอด ควรลำดับการใส่เลือด ลงหลอดดังนี้ |
1. ขวดสำหรับการเพาะเชื้อ Hemoculture 2. หลอดสำหรับการทดสอบ Coagulation (3.2% Na citrate) (จุกสีฟ้า) 3. หลอด Clotted blood (จุกสีขาว) 4. หลอด EDTA (จุกสีม่วง) 5. หลอด NaF (จุกสีเทา) |
2. การเก็บปัสสาวะ - Random Urine : ให้เก็บปัสสาวะส่วนกลาง (Mid Stream Urine) ตามปริมาตรที่ระบุ ดังนี้ 1) ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะขับถ่ายภายนอก 2) ถ่ายปัสสาวะช่วงแรกทิ้งไปก่อน แล้วเก็บปัสสาวะช่วงกลางให้ได้ปริมาตรไม่น้อยกว่า 10 มิลลิลิตร ใส่ใน ภาชนะที่ห้องปฏิบัติการจัดให้ซึ่งมีฉลากข้อมูลผู้ป่วย 3) ถ่ายปัสสาวะช่วงท้ายทิ้งไปจนเสร็จ 4) ปิดฝาภาชนะให้สนิท |
- ปัสสาวะ 24 ชั่วโมง (24 hrs.) : เก็บ
ปัสสาวะให้ครบ 24 ชั่วโมง โดยปัสสาวะครั้งแรกทิ้ง
เริ่มเก็บปัสสาวะจนครบเวลา 24 ชั่วโมง ในภาชนะที่จัดเตรียมไว้
เมื่อครบกำหนดเวลาให้เก็บปัสสาวะครั้งสุดท้ายให้หมด ตวงปริมาตรทั้งหมด
และระบุปริมาตรมาตร ในใบสั่งตรวจ เก็บในขวดสีชาโดยเก็บในตู้เย็น (4๐C) อาจใส่สาร รักษาสภาพ ขึ้นกับรายการส่งตรวจ - สำหรับการตรวจทดสอบ Protein, Creatinine, Calcium, Phosphate, Uric acid,Glucose, Sodium, Potassium, Chloride ให้เก็บปัสสาวะไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิ 4 oC - สำหรับการทดสอบ VMA ใช้ Conc.HCl เป็นสารรักษาสภาพ |
3. การเก็บอุจจาระ - เก็บอุจาระใส่ภาชนะทึบ ปิดฝา ให้เรียบร้อย หากอุจจาระมีมูกเลือดให้เก็บส่วนที่เป็นมูกเลือดด้วย และให้ เก็บส่งปริมาณพอควร (ประมาณ 5 กรัม) และปิดฉลากระบุชื่อผู้ป่วยบนภาชนะ |
4. การเก็บน้ำไขสันหลัง - เก็บใส่ขวดแก้วที่สะอาดปราศจากเชื้อ ในปริมาตรที่พอเพียงต่อการทดสอบ ปิดฉลากระบุชื่อผู้ป่วยบนภาชนะ จัดส่งทันที - กรณีส่งตรวจเพาะเชื้อ ห้ามเก็บในตู้เย็นเพราะจะทำให้เชื้อบางชนิดตายได้ เช่น Neisseria meningitidis. |
5. การเก็บสิ่งส่งตรวจเพื่อการเพาะเชื้อ เก็บสิ่งส่งตรวจให้ถูกตำแหน่ง ก่อนที่ผู้ป่วยได้รับสารต้านจุลชีพ เลือกใช้ภาชนะ หรืออาหารเลี้ยงเชื้อให้ถูกต้องเหมาะสมกับประเภทของตัวอย่าง เช่น 5.1 เลือด - ขวด Hemoculture ที่เก็บในตู้เย็น ต้องนำออกมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง และรอให้ขวดมีอุณภูมิเท่าอุณหภูมิห้องก่อนนำไปใช้งาน - เช็ดจุกยางที่ปากขวดด้วยทิงเจอร์ไอโอดีนแล้วเช็ดด้วย 70% แอลกอฮอล์ รอให้แห้งก่อนใส่เลือด - ควรเปลี่ยนหัวเข็มใหม่ ก่อนฉีดเลือดลงในขวด Hemoculture - กรณีที่ไม่สามารถส่งขวด Hemoculture มายังห้องปฏิบัติการได้ภายในวันเจาะเลือด ให้นำขวดไปอบที่อุณหภูมิ 35-37 ๐C หรือวางที่อุณหภูมิห้อง ห้ามแช่ในตู้เย็น - ห้ามเจาะเลือดเพื่อใช้ในการทดสอบอื่นๆ ในคราวเดียวกัน เพราะอาจจะเกิดการปนเปื้อนได้ |
5.2 น้ำไขสันหลังและสารคัดหลั่งอื่นๆ จากร่างกาย ควรเจาะให้ได้ปริมาตรไม่น้อยกว่า 2 ml. โดยทำความสะอาดบริเวณที่จะเจาะเช่นเดียวกับการ เจาะเลือด โดยใส่น้ำไขสันหลังในภาชนะที่ปราศจากเชื้อ ติดฉลากระบุข้อมูลผู้ป่วยให้ครบตามข้อกำหนด แล้วนำส่ง ห้องปฏิบัติการทันที ห้ามเก็บน้ำไขสันหลังในตู้เย็น ขณะรอส่งเพราะอาจจะทำให้เชื้อบางชนิดตายได้ ถ้าไม่สามารถนำส่งได้ในเวลาให้เก็บในตู้ 37 ๐C หรือวางที่อุณหภูมิห้อง |
5.3. Swab ใช้เก็บสิ่งส่งตรวจที่ไม่สามารถเจาะหรือดูดได้ ซึ่งเป็นหลอดพลาสติกที่บรรจุ transport medium สิ่งส่งตรวจที่เก็บด้วย Swab ได้แก่ Throat swab หนอง เป็นต้น หลังการใช้ Swab เก็บสิ่งส่งตรวจแล้ว ให้ใส่ Swab ลงในหลอด Media เพื่อไม่ให้เชื้อตายหรือเพิ่มจำนวน ในกรณีที่ Media ยังไม่ได้ใช้ ให้เก็บไว้ ที่ 2-8 ๐C เสมอ |
5.4. อุจจาระ ให้ส่งเป็น rectal swab ยกเว้นการเพาะเชื้อ Campylobacter ,Clostridium difficile ให้เก็บเป็นอุจจาระ |
5.5. ปัสสาวะ ถ้าเป็นปัสสาวะที่ไม่ใช่ mid stream ต้องระบุลงในใบส่งตรวจ และปัสสาวะที่ส่งเพาะเชื้อ ต้องระบุเวลาเก็บ ห้ชัดเจน และนำส่งห้องปฏิบัติการทันที ถ้าไม่สามารถนำส่งทันเวลาให้เก็บปัสสาวะ ในตู้เย็นห้ามเก็บไว้ที่ อุณหภูมิห้อง |
5.6. เสมหะ เวลาเก็บที่เหมาะสม คือ เก็บตอนเช้า โดยทำความสะอาดในช่องปาก โดยการบ้วนด้วยน้ำสะอาด เพื่อลดการ ปนเปื้อนของน้ำลาย และเชื้อในช่องปาก ไม่ควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อบ้วนปาก |
5.7. สิ่งส่งตรวจเพาะเชื้อ แอนแอโรบส์ ควรเก็บตัวอย่างในบริเวณที่ไม่มีเชื้อประจำถิ่นโดยใส่ใน Thyoglycolate tube ซึ่งก่อนนำมาใช้ต้องดูสภาพ ของน้ำยายังคงใสไม่มีสี ถ้ามีสีชมพูไม่ควรใช้ และถ้ายังไม่ได้ใช้ ควรเก็บที่อุณหภูมิห้องในที่มืด ห้ามเก็บในตู้เย็น |
6. การเก็บสิ่งส่งตรวจเพื่อการตรวจโครโมโซม (Chromosome Study) |
6.1. Heparinized Peripheral Blood : ใช้ Syringe 5 ml. ดูด Sodium Heparin เพื่อเคลือบแล้วฉีดไล่ออกจาก Syring และเปลี่ยนเข็มใหม่เพื่อเจาะเลือด (Sterile) นำส่งทั้ง Syring ขณะรอนำส่งให้เก็บในตู้เย็น (ห้ามแช่ Freeze หรือแช่ในน้ำแข็ง) |
6.2. น้ำคร่ำ (Amniotic Fluid) : เก็บโดยวิธี Amniocentesis จำนวน 20-30 ml. บรรจุใน Syring หรือ ภาชนะปลอดเชื้อ (ห้ามแช่ Freeze หรือแช่ในน้ำแข็ง) |
6.3. ชิ้นเนื้อ (Tissue) : ใส่ชิ้นเนื้อใน 0.85% Sterile NaCl ในภาชนะปลอดเชื้อ (ห้ามแช่ Formalin) เก็บที่อุณหภูมิห้อง |
6.4. Cord blood :
เก็บโดยวิธี Cordocentesis จำนวน 1-2 ml. บรรจุในSyring
หรือภาชนะปราศจากเชื้อ ที่ผสม Sodium Heparin
ปริมาตร 0.05 ml. ต่อเลือด 2 ml. เพื่อไม่ให้เลือดแข็งตัว |
7. Pathology 7.1. ชิ้นเนื้อทั่วไป แช่ใน 10 % Formalin ปริมาณมากกว่า 10 เท่าของชิ้นเนื้อ 7.2. Fluid For Cytology เก็บปริมาณ 30 ml. ใส่ขวด Sterile เก็บตู้เย็น (4-6oC) (ห้ามแช่ช่องแข็ง) |
8. การเก็บสิ่งส่งตรวจทางพิษวิทยา 8.1. ตรวจแอลกอฮอล์ในเลือด - การเจาะเลือด ควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออื่นที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ เช่น ไอโอดีนเช็ดบริเวณเจาะเลือด - เจาะเลือด 3 ml. ใส่ในหลอดที่มีสารกันเลือดแข็งชนิด NaF หรือ เจาะเลือดใส่หลอด Clotted bloodที่ไม่ มีสารกันเลือดแข็ง |
8.2. ตรวจวัดระดับยา เจาะเลือด 3-4 ml. ใส่ในหลอดเลือดที่ไม่มีสารกันเลือดแข็งตัว (Clotted blood) และปั่นแยกซีรัม นำส่งยังห้องปฏิบัติการ ในกรณีที่ส่งตรวจ Common Drug Screening ในเลือด ต้องเจาะเลือดเป็น Clotted blood และนำส่งโดยไม่ต้องปั่นแยกเลือด |
Clock
วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554
การเก็บสิ่งส่งตรวจ (Specimen Collection)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น