Funnal Suport
TOP |
Funnel Support ใช้สำหรับตั้งกรวยกรองเมื่อทำการกรองสารละลาย |
Stran and ring
TOP |
Stand เป็นอุปกรณ์สำหรับติดตั้ง Clamp โดยมี Clamp Holder
เป็นตัวเชื่อมและติดตั้ง Buret Clamp ส่วน Iron Ring ซึ่งติดกับ
stand ใช้สำหรับวางหรือตั้งขวดปริมาตรโดยมีตะแกรงลวดรองรับ |
สามขา(Tripod)
TOP |
สามขาทำด้วยเหล็ก และความสูงของสามขาที่ใช้ขึ้นอยู่กับความสูงของตะเกียงบุนเซ็น สามขาใช้สำหรับตั้งบีกเกอร์
หรือขวดปริมาตรเมื่อต้มสารละลายที่บรรจุอยู่โดยมีตะแกรง
รองรับ หรือตั้งเบ้าเคลือบเมื่อเผาด้วยเปลวไฟโดยวางบน Triangle |
ตะเกียงบุนเซน (Bunsen Burner)
TOP |
ตะเกียงบุนเซนเป็นตะเกียงก๊าซที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทั่วไปเมื่อต้องการอุณหภูมิที่สูง
พอประมาณ ตะเกียงบุนเซนสามารถปรับปริมาณของอากาศได้แต่ไม่มีที่ปรับปริมาณ
ของก๊าซเชื้อเพลิงตะเกียงบุนเซนมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
1. ฐานของตะเกียง
2. ท่อตัวตะเกียง
3. ช่องทางเข้าของก๊าซซึ่งเป็นท่อที่ยื่นจากฐานของตะเกียง
4. ช่องปรับปริมาณของอากาศที่โดนท่อตัวตะเกียง
ข้อปฏิบัติในการใช้ตะเกียงบุนเซนมีดังต่อไปนี้
1. สวมปลายสายยางข้างหนึ่งกับท่อโลหะที่ยื่นออกมาจากฐานตะเกียง ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งของสายยางต่อกับท่อ
ก๊าซเชื้อเพลิง
2. ปิดช่องทางเข้าของอากาศที่ฐานของตะเกียงให้สนิท
3. จุดไม้ขีดไฟหรือที่จุดไฟ (lighter) รอไว้ที่หัวตะเกียง แล้วเปิดก๊าซเชื้อเพลิงเข้ามาในตะเกียงจะได้เปลวไฟใหญ
่สีเหลือง (luminous flame) หลังจากนั้นค่อยๆ เปิดช่องทางเข้าของอากาศที่ฐานของตะเกียงแล้วปรับให้ได้เปลวไฟไม่มี
สี (non-luminous flame) ซึ่งเป็นเปลวไฟที่ให้ความร้อนสูงที่สุด
หมายเหตุ ถ้าเปลวไฟดับหรือมีเหตุการณ์อย่างอื่นเกิดขึ้น ต้องปิดก๊อกก๊าซเชื้อเพลิงทันทีแล้วเริ่มจุดตะเกียงตามขั้นตอน 1 , 2
และ 3 การใช้ตะเกียงบุนเซนไม่ว่ากรณีใดๆ ต้องใช้เปลวไฟที่ไม่มีสีเสมอ ยกเว้นการทดลองที่ระบุให้ใช้เปลวไฟสีเหลืองเท่านั้น
4. หลังจากใช้ตะเกียงบุนเซนเสร็จแล้วให้ทำการดับตะเกียงโดยการลดปริมาณของก๊าซที่เข้ามาในตะเกียงให้น้อยลง
และโดยการปรับก๊อกก๊าซจนกระทั่งเปลวไฟที่หัวตะเกียงเลื่อนมาเกิดที่ฐานตะเกียง แล้วทำการปิดก๊อกก๊าซทันที
ข้อควรระวัง
1. การสวมสายยางกับท่อก๊าซของตะเกียงหรือท่อก๊าซเชื้องเพลิงที่โต๊ะปฏิบัติการต้องสวมให้แน่น หากสายยางหลุด
ขณะใช้ตะเกียงไฟอาจจะลุกไหม้ได้
2. การจุดไม้ขีดไฟไปรอไว้ที่หัวตะเกียงก่อนที่จะเปิดก๊าซ อย่าใช้วิธีหย่อนไม้ขีดไฟจากระยะสูงเหนือตะเกียง เพราะ
จะทำให้ก๊าซที่ออกจากตะเกียงติดไฟในระดับสูงซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
3. สีและขนาดของเปลวไฟขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของอากาศกับก๊าซเชื้อเพลิงที่เข้าทางฐานของตะเกียงมีดังต่อไปนี้
3.1 ถ้าปริมาณของก๊าซเชื้อเพลิงถูกปล่อยให้เข้าตะเกียงมากกว่าปริมาณของอากาศที่เข้ามาในตะเกียง
เปลวไฟที่ได้จะเต้นและดับ หรือเปลวไฟที่ได้จะไม่สม่ำเสมอหรือมีช่องว่างระหว่างเปลวไฟกับหัวตะเกียง
3.2 ถ้าปริมาณของก๊าซเชื้อเพลิงถูกปล่อยให้เข้าตะเกียงน้อยกว่าปริมาณ
ของอากาศที่เข้ามาในตะเกียง เปลวไฟจะเกิดขึ้นที่ช่องทางที่ก๊าซจะเข้า
มาในตัวตะเกียงในส่วนของฐานภายในของตะเกียง การที่เปลวไฟเกิดขึ้น
ภายในตะเกียงนี้เรียกว่าเปลวไฟสะท้อนกลับ (Stock back) ซึ่งถ้าเกิดขึ้นนานๆ
จะทำให้ตะเกียงร้อนจัดเป็นเหตุให้โลหะตรงช่องทางเข้าของก๊าซเชื้อเพลิงใน
ตะเกียงหลอมเหลวและทำให้เชื่อมปิดทางเข้าไปในตัวตะเกียงของก๊าซเชื้อเพลิง
สายยางอาจละลายและลุกเป็นไฟ และทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO)
ที่เป็นก๊าซพิษอีกด้วย เมื่อเกิดเปลวไฟสะท้อนกลับ จะต้องทำการปิดก๊อกก๊าซให้เปลวไฟดับทันที
3.3 ถ้าปริมาณของก๊าซเชื้อเพลิงถูกปล่อยให้เข้าตะเกียงมากกว่าปริมาณของอากาศ
ที่เข้ามาในตะเกียงโดยไม่ได้เปิดช่องทางให้อากาศเข้ามาในตะเกียงหรือเปิดเพียงเล็กน้อย
จะได้เปลวไฟสีเหลืองซึ่งเป็นเปลวไฟที่ไม่เหมาะที่จะใช้ในการทดลองเพราะอุณหภูมิของ
เปลวไฟไม่สูงพอทำให้มีเขม่าจับอุกรณ์ที่ใช้ทดลอง และทำให้ตะแกรงลวดผุเร็วกว่าปกติ
เนื่องจากคาร์บอนในเปลวไฟทำปฏิกิริยากับเหล็กทำให้เกิดสารประกอบพวกคาร์ไบด์
3.4 ถ้าปริมาณของก๊าซเชื้อเพลิงถูกปล่อยให้เข้าตะเกียงมีอัตราส่วนเหมาะสมกับปริมาณ
ของอากาศที่เข้ามาในตะเกียง เปลวไฟที่ได้จะไม่มีสีและมีอุณหภูมิที่สูง
|
เครื่องชังแบบ Triple-Beam Balance
TOP |
เป็นเครื่องชั่งชนิด Mechanical balance อีกชนิดหนึ่งที่มีราคาถูกและใช้ง่าย
แต่มีความไวน้อย เครื่องชั่งชนิดนี้มีแขนข้างขวาอยู่ 3 แขนและในแต่ละแขน
จะมีขีดบอกน้ำหนักไว้เช่น 0-1.0 กรัม 0-10 กรัม 0-100 กรัม และยังมีตุ้ม
น้ำหนักสำหรับเลื่อนไปมาได้อีกด้วย แขนทั้ง 3 นี้ติดกับเข็มชี้อันเดียวกัน
วิธีการใช้เครื่องชั่งแบบ (Triple- beam balance)
1. ตั้งเครื่องชั่งให้อยู่ในแนวระนาบ แล้ว
ปรับให้แขนของเครื่องชั่งอยู่ในแนว
ระนาบโดยหมุนสกรูให้เข็มชี้ตรงขีด 0
2. วางขวดบรรจุสารบนจานเครื่องชั่ง
แล้วเลื่อนตุ้มน้ำหนักบนแขนทั้งสามเพื่อ
ปรับให้เข็มชี้ตรงขีด 0 อ่านน้ำหนักบน
แขนเครื่องชั่งจะเป็นน้ำหนักของขวด
บรรจุสาร
3. ถ้าต้องการชั่งสารตามน้ำหนักที่ต้อง
การก็บวกน้ำหนักของสารกับน้ำหนักของ
ขวดบรรจุสารที่ได้ในข้อ 2 แล้วเลื่อนตุ้ม
น้ำหนักบนแขนทั้ง 3 ให้ตรงกับน้ำหนักที่ต้องการ
4. เติมสารที่ต้องการชั่งลงในขวดบรรจุสารจนเข็มชี้ตรงขีด 0 พอดี จะได้น้ำหนักของสารตามต้องการ
5. นำขวดบรรจุสารออกจากจานของเครื่องชั่งแล้วเลื่อนตุ้มน้ำหนักทุกอันให้อยู่ที่ 0 ทำความสะอาดเครื่องชั่งหากมี
สาร เคมีหกบนจานหรือรอบๆ เครื่องชั่ง
หมายเหตุุ การหาน้ำหนักของสารอาจหาน้ำหนักทั้งขวดบรรจุสารและสารรวมกันก่อน
ก็ได้ แล้วชั่งขวดบรรจุสารอย่างเดียว ทีหลัง ต่อจากนั้นก็เอาน้ำหนักทั้ง 2 ครั้งลบกัน ผลที่ได้ จะเป็นน้ำหนักของสารที่ต้องการ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น