Clock


วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

อุปกรณ์เครื่องแก้วในห้อง Lab ชุดที่ 3

คีม (Tong)


คีมมีอยู่หลายชนิด คีมที่ใช้กับขวดปริมาตรเรียกว่า flask tong คีมที่ใช้กับบีกเกอร์ เรียกว่า beaker tong และคีมที่ใช้กับเบ้าเคลือบเรียกว่า crucible tong ซึ่งทำด้วยนิเกิ้ล หรือโลหะเจือเหล็กที่ไม่เป็นสนิม แต่อย่านำ crucible tong ไปใช้จับบีกเกอร์หรือ ขวดปริมาตรเพราะจะทำให้ลื่นตกแตกได้
ตะแกงลวด (Wire gauze) TOP
ตะแกรงลวดมีทั้งที่ทำจากลวดเหล็กและที่ทำด้วยลวด nichrome หรือ chromel ซึ่งไม่เกิดสนิมและใช้ได้ระยะเวลานานกว่า ตะแกรงลวดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส และมีใยหิน (asbestos) คลุมเป็นวงกลมที่ตากึ่งกลางตะแกรง ตะแกรงลวดใช้ สำหรับตั้งบีกเกอร์ ขวดปริมาตร และอื่นๆ ที่นำมาต้มสารละลายด้วยเปลวไฟ
Clamp and ckamp holder TOP
Clamp ทำด้วยเหล็กและมีไม้คอร์กหุ้มด้านในที่แตะกับแก้ว มักจะใช้ร่วมกับ Stand โดยมี Clamp holder เป็นตัวเชื่อม Clamp ใช้สำหรับจับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ขวดปริมาตร Clamp ที่ใช้จับบิวเรทเรียกว่า Buret Clamp
แปรง(Brush) TOP
แปรงใช้สำหรับทำความสะอาดอุปกรณ์ชนิดต่างๆ แปรงล้างเครื่องแก้วมีหลายขนาดและมีหลายชนิด ควรจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของเครื่องแก้วนั้นๆ เช่น Test Tube Brush ใช้สำหรับทำความ สะอาดหลอดทดสอบ Flask Brush ใช้สำหรับทำความสะอาดขวดปริมาตร และ Buret Brush ที่มีลักษณะ เป็นแปรงก้านยาวใช้สำหรับทำความสะอาดบิวเรท การใช้แปรงล้างเครื่องแก้วต้องระมัดระวังให้มาก อย่าถูแรงเกินไป เนื่องจากก้านแปรงเป็นโลหะเมื่อไปกระทบกับแก้วอาจทำให้แตกและเกิดอันตรายได้
Test tub rack TOP
Test Tube Rack ใช้สำหรับตั้งหลอดทดสอบ มีทั้งทำด้วยไม้และโลหะ
Funnal Suport TOP
Funnel Support ใช้สำหรับตั้งกรวยกรองเมื่อทำการกรองสารละลาย
Stran and ring TOP
Stand เป็นอุปกรณ์สำหรับติดตั้ง Clamp โดยมี Clamp Holder เป็นตัวเชื่อมและติดตั้ง Buret Clamp ส่วน Iron Ring ซึ่งติดกับ stand ใช้สำหรับวางหรือตั้งขวดปริมาตรโดยมีตะแกรงลวดรองรับ
สามขา(Tripod) TOP
สามขาทำด้วยเหล็ก และความสูงของสามขาที่ใช้ขึ้นอยู่กับความสูงของตะเกียงบุนเซ็น สามขาใช้สำหรับตั้งบีกเกอร์ หรือขวดปริมาตรเมื่อต้มสารละลายที่บรรจุอยู่โดยมีตะแกรง รองรับ หรือตั้งเบ้าเคลือบเมื่อเผาด้วยเปลวไฟโดยวางบน Triangle
ตะเกียงบุนเซน (Bunsen Burner) TOP
ตะเกียงบุนเซนเป็นตะเกียงก๊าซที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทั่วไปเมื่อต้องการอุณหภูมิที่สูง พอประมาณ ตะเกียงบุนเซนสามารถปรับปริมาณของอากาศได้แต่ไม่มีที่ปรับปริมาณ ของก๊าซเชื้อเพลิงตะเกียงบุนเซนมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
1. ฐานของตะเกียง
2. ท่อตัวตะเกียง
3. ช่องทางเข้าของก๊าซซึ่งเป็นท่อที่ยื่นจากฐานของตะเกียง
4. ช่องปรับปริมาณของอากาศที่โดนท่อตัวตะเกียง
ข้อปฏิบัติในการใช้ตะเกียงบุนเซนมีดังต่อไปนี้
1. สวมปลายสายยางข้างหนึ่งกับท่อโลหะที่ยื่นออกมาจากฐานตะเกียง ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งของสายยางต่อกับท่อ ก๊าซเชื้อเพลิง
2. ปิดช่องทางเข้าของอากาศที่ฐานของตะเกียงให้สนิท
3. จุดไม้ขีดไฟหรือที่จุดไฟ (lighter) รอไว้ที่หัวตะเกียง แล้วเปิดก๊าซเชื้อเพลิงเข้ามาในตะเกียงจะได้เปลวไฟใหญ
่สีเหลือง (luminous flame) หลังจากนั้นค่อยๆ เปิดช่องทางเข้าของอากาศที่ฐานของตะเกียงแล้วปรับให้ได้เปลวไฟไม่มี
สี (non-luminous flame) ซึ่งเป็นเปลวไฟที่ให้ความร้อนสูงที่สุด
หมายเหตุ ถ้าเปลวไฟดับหรือมีเหตุการณ์อย่างอื่นเกิดขึ้น ต้องปิดก๊อกก๊าซเชื้อเพลิงทันทีแล้วเริ่มจุดตะเกียงตามขั้นตอน 1 , 2 และ 3 การใช้ตะเกียงบุนเซนไม่ว่ากรณีใดๆ ต้องใช้เปลวไฟที่ไม่มีสีเสมอ ยกเว้นการทดลองที่ระบุให้ใช้เปลวไฟสีเหลืองเท่านั้น
4. หลังจากใช้ตะเกียงบุนเซนเสร็จแล้วให้ทำการดับตะเกียงโดยการลดปริมาณของก๊าซที่เข้ามาในตะเกียงให้น้อยลง และโดยการปรับก๊อกก๊าซจนกระทั่งเปลวไฟที่หัวตะเกียงเลื่อนมาเกิดที่ฐานตะเกียง แล้วทำการปิดก๊อกก๊าซทันที
ข้อควรระวัง
1. การสวมสายยางกับท่อก๊าซของตะเกียงหรือท่อก๊าซเชื้องเพลิงที่โต๊ะปฏิบัติการต้องสวมให้แน่น หากสายยางหลุด ขณะใช้ตะเกียงไฟอาจจะลุกไหม้ได้
2. การจุดไม้ขีดไฟไปรอไว้ที่หัวตะเกียงก่อนที่จะเปิดก๊าซ อย่าใช้วิธีหย่อนไม้ขีดไฟจากระยะสูงเหนือตะเกียง เพราะ จะทำให้ก๊าซที่ออกจากตะเกียงติดไฟในระดับสูงซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
3. สีและขนาดของเปลวไฟขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของอากาศกับก๊าซเชื้อเพลิงที่เข้าทางฐานของตะเกียงมีดังต่อไปนี้

3.1 ถ้าปริมาณของก๊าซเชื้อเพลิงถูกปล่อยให้เข้าตะเกียงมากกว่าปริมาณของอากาศที่เข้ามาในตะเกียง
เปลวไฟที่ได้จะเต้นและดับ หรือเปลวไฟที่ได้จะไม่สม่ำเสมอหรือมีช่องว่างระหว่างเปลวไฟกับหัวตะเกียง

3.2 ถ้าปริมาณของก๊าซเชื้อเพลิงถูกปล่อยให้เข้าตะเกียงน้อยกว่าปริมาณ ของอากาศที่เข้ามาในตะเกียง เปลวไฟจะเกิดขึ้นที่ช่องทางที่ก๊าซจะเข้า มาในตัวตะเกียงในส่วนของฐานภายในของตะเกียง การที่เปลวไฟเกิดขึ้น ภายในตะเกียงนี้เรียกว่าเปลวไฟสะท้อนกลับ (Stock back) ซึ่งถ้าเกิดขึ้นนานๆ จะทำให้ตะเกียงร้อนจัดเป็นเหตุให้โลหะตรงช่องทางเข้าของก๊าซเชื้อเพลิงใน ตะเกียงหลอมเหลวและทำให้เชื่อมปิดทางเข้าไปในตัวตะเกียงของก๊าซเชื้อเพลิง สายยางอาจละลายและลุกเป็นไฟ และทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ที่เป็นก๊าซพิษอีกด้วย เมื่อเกิดเปลวไฟสะท้อนกลับ จะต้องทำการปิดก๊อกก๊าซให้เปลวไฟดับทันที

3.3 ถ้าปริมาณของก๊าซเชื้อเพลิงถูกปล่อยให้เข้าตะเกียงมากกว่าปริมาณของอากาศ ที่เข้ามาในตะเกียงโดยไม่ได้เปิดช่องทางให้อากาศเข้ามาในตะเกียงหรือเปิดเพียงเล็กน้อย จะได้เปลวไฟสีเหลืองซึ่งเป็นเปลวไฟที่ไม่เหมาะที่จะใช้ในการทดลองเพราะอุณหภูมิของ เปลวไฟไม่สูงพอทำให้มีเขม่าจับอุกรณ์ที่ใช้ทดลอง และทำให้ตะแกรงลวดผุเร็วกว่าปกติ เนื่องจากคาร์บอนในเปลวไฟทำปฏิกิริยากับเหล็กทำให้เกิดสารประกอบพวกคาร์ไบด์

3.4 ถ้าปริมาณของก๊าซเชื้อเพลิงถูกปล่อยให้เข้าตะเกียงมีอัตราส่วนเหมาะสมกับปริมาณ ของอากาศที่เข้ามาในตะเกียง เปลวไฟที่ได้จะไม่มีสีและมีอุณหภูมิที่สูง
เครื่องชังแบบ Triple-Beam Balance TOP
เป็นเครื่องชั่งชนิด Mechanical balance อีกชนิดหนึ่งที่มีราคาถูกและใช้ง่าย แต่มีความไวน้อย เครื่องชั่งชนิดนี้มีแขนข้างขวาอยู่ 3 แขนและในแต่ละแขน จะมีขีดบอกน้ำหนักไว้เช่น 0-1.0 กรัม 0-10 กรัม 0-100 กรัม และยังมีตุ้ม น้ำหนักสำหรับเลื่อนไปมาได้อีกด้วย แขนทั้ง 3 นี้ติดกับเข็มชี้อันเดียวกัน
วิธีการใช้เครื่องชั่งแบบ (Triple- beam balance)
1. ตั้งเครื่องชั่งให้อยู่ในแนวระนาบ แล้ว ปรับให้แขนของเครื่องชั่งอยู่ในแนว ระนาบโดยหมุนสกรูให้เข็มชี้ตรงขีด 0
2. วางขวดบรรจุสารบนจานเครื่องชั่ง แล้วเลื่อนตุ้มน้ำหนักบนแขนทั้งสามเพื่อ ปรับให้เข็มชี้ตรงขีด 0 อ่านน้ำหนักบน แขนเครื่องชั่งจะเป็นน้ำหนักของขวด บรรจุสาร
3. ถ้าต้องการชั่งสารตามน้ำหนักที่ต้อง การก็บวกน้ำหนักของสารกับน้ำหนักของ ขวดบรรจุสารที่ได้ในข้อ 2 แล้วเลื่อนตุ้ม น้ำหนักบนแขนทั้ง 3 ให้ตรงกับน้ำหนักที่ต้องการ
4. เติมสารที่ต้องการชั่งลงในขวดบรรจุสารจนเข็มชี้ตรงขีด 0 พอดี จะได้น้ำหนักของสารตามต้องการ
5. นำขวดบรรจุสารออกจากจานของเครื่องชั่งแล้วเลื่อนตุ้มน้ำหนักทุกอันให้อยู่ที่ 0 ทำความสะอาดเครื่องชั่งหากมี
สาร เคมีหกบนจานหรือรอบๆ เครื่องชั่ง
หมายเหตุุ การหาน้ำหนักของสารอาจหาน้ำหนักทั้งขวดบรรจุสารและสารรวมกันก่อน ก็ได้ แล้วชั่งขวดบรรจุสารอย่างเดียว ทีหลัง ต่อจากนั้นก็เอาน้ำหนักทั้ง 2 ครั้งลบกัน ผลที่ได้ จะเป็นน้ำหนักของสารที่ต้องการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา