Clock


วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

อุปกรณ์เครื่องแก้วในห้อง Lab ชุดที่ 1

ขวดปริมาตร     เป็นเครื่องมมือที่ใช้เตรียมสาละลายมาตราฐานหรือสารละลายที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าสาร

ละลายเดิมได้ขวดปริมาตรมีหลายขนาด และมีความจุต่างๆ กัน เช่น ขนาด 50 มล. 100 มล. 250 มล. 500 มล.
1,000 มล. และ 2,000 มล. เป็นต้น แบ่งตามรูปร่าง และ ลักษณะการใช้ ได้ ดังต่อไปนี้
ขวดปริมาตรฟลอเรนส์ ( Florence Flask) หรือเรียกว่า Flat Bottomed Flask มีลักษณะคล้ายลูกบอลลูน

มักจะใช้สำหรับต้มน้ำ เตรียมแก๊ส และเป็น wash bottle (ดังรูปที่ 1)
ขวดปริมาตรก้นกลม ( Round Bottom Flask) ขวดปริมาตรชนิดนี้มีลักษณะเหมือนกับ Florence Flask

แต่ตรงก้นขวดจะมีลักษณะกลมทำให้ไม่สามารถตั้งได้(ดังรูปที่ 2)
ขวดปริมาตรทรงกรวย ( Erlenmeyer Flaskหรือ Conical Flask) ขวดปริมาตรชนิดนี้มีลักษณะทรงกรวย

และมีความจุขนาดต่าง ๆ กัน แต่ที่นิยมใช้กันมากมีความจุเป็น 250-500 มล. สามารถใช้ได้ในหลายกรณี เช่น ในการไตเตรท(รูปที่ 3)
ขวดปริมาตรกลั่น ( Distilling Flask) ขวดปริมาตรชนิดนี้นิยมใช้ในการกลั่นของเหลว (รูปที่ 4)
Volumetric Flask ขวด ปริมาตรชนิดนี้มีลักษณะเป็นขวดคอยาวที่มีขีดบอก ปริมาตรบนคอขวดเพียงขีดเดียว
นิยมใช้ในการเตรียมสารละลาย โดยทั่วไปจะนำสารนั้นมาละลายในบีกเกอร์ก่อนที่ จะเทลงในขวดปริมาตร โดยใช้กรวยกรอง
แล้วเทน้ำล้างบีกเกอร์หลายๆ ครั้ง ด้วยตัวทำละลายแล้วเทลงในกรวยกรองเพื่อ ล้างสารที่ติดอยู่ให้ลงในขวดให้จนหมด
อย่าให้สารละลายใน volumetric flask มี เกิน 2 ใน 3 ของปริมาตรทั้งหมดเทตัวทำละลายลงในขวด โดยผ่านกรวยอีก
เพื่อเป็นการล้างกรวยจนขวด มีปริมาตรถึงขีดบอกปริมาตร (รูปที่ 5)
 
 
 
 
 
 
 
 
 






การเตรียมสารละลายโดยใช้ขวดปริมาตรมีเทคนิคการทำดังนี้
1. ละลายสารในขวดปริมาตรให้มีปริมาณประมาณ 3 /4 ของขวดปิดจุกขวดแล้วหมุนขวดปริมาตรด้วยข้อมือให้สาร
ละลายไหลไปทางเดียวกันเพื่อให้สารในขวดละลายจนหมด(ในกรณีที่สารเป็นของแข็ง) หรือให้สารผสมเป็นเนื้อเดียวกัน (ใน
กรณีที่สารเป็นขอเหลว)ควรจับที่คอขวดปริมาตรอย่าจับที่ตัวขวดปริมาตรเพราะจะ ทำให้สารละลายอุ่นขึ้นเนื่องจากความร้อน
ในมือ
2. เติมตัวทำละลายลงในขวดปริมาตรให้ส่วนโค้งเว้าต่ำสุดของสารละลายอยู่ตรงขีดบอกปริมาตร การอ่านปริมาตร
ต้องให้ระดับสายตาอยู่ในระดับเดียวกันกับขีดบอกปริมาตร เพื่อป้องกันการอ่านปริมาตราผิด
3. ปิดจุดขวดปริมาตรแล้วค่ำขวดจากบนลงล่างทำแบบนี้ 2 - 3 ครั้ง เพื่อให้สารละลายผลมเป็นเนื้อเดียวกัน และมี

เนื้อสารเท่าเทียมกันทุกส่วน
4. จากข้อ 3 กลับขวดปริมาาตรให้อยู่ในลักษณะเดิมแล้วจับคอขวดหมุนไปมาประมาณ 3 รอบ ทำซ้ำจนแจ่ใจว่า สาร
ละลายผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
บีกเกอร์ (Beaker) TOP
บีกเกอร์มีหลายขนาดและมีความจุต่างกัน โดยที่ข้างบีเกอร์จะมีตัวเลขระบุความจุของบีกเกอร์ทำให้ผู้ใช้สามารถทราบ
ปริมาณของของ เหลวที่บรรจุอยู่ได้อย่างคราว ๆ และบีกเกอร์มีความจุตั้งแต่ 5 มิลลิเมตร จนถึงหลาย ๆ ลิตรอีกทั้งเป็นแบบสูง
แบบตี้ย และแบบรูปทรงกรวย(conical berker) บีกเกอร์จะมีปากงอเหมือนปากนกซึ่งเรียกว่า spout ทำให้การเทของเหลว
ออกได้โดยสะดวก Spout ทำให้สะดวกในการวางไม้แก้วซึ่งยื่นออกมาจากฝาที่ปิดบีกเกอร์และ spout ยังเป็นทางออกของ
ไอน้ำ หรือแก๊สเมื่อทำการละเหยของเหลวในบีเกอร์ที่ปิดด้วยกระจกนาฬิกา(watch grass)
การเลือกขนาดของบีกเกอร์เพื่อใส่ของเหลวนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของเหลวที่จะใส่ โดยปกติให้ระดับของเหลวอยู่ต่ำกว่า

ปากบีกเกอร์ประมาณ 1 - 1 1/2 นิ้ว
ประโยชน์ของบีกเกอร์
1.ใช้สำหรับต้มสารละลายที่มีปริมาณมาก ๆ
2. ใช้สำหรับเตรียมสารละลายต่าง ๆ
3. ใช้สำหรับตกตะกอนและใช้ระเหยของ
เหลวที่มีฤทธิ์กรดน้อย
หมายเหตุ : ห้ามใช้บีกเกอร์ทุกขนาดทดลอง
ปฏิกิริยาระหว่างสารโดยเด็ดขาด
หลอดทดลอง (Test tube) TOP
หลอดทดลองมีหลายชนิดและหลายขนาด ชนิดที่มีปากและไม่มีปาก ชนิดธรรมดาและชนิดทนไฟขนาดทดลองระบุได้

2 แบบ คือความยาวกับเส้นผ่านศูนย์กลางริมนอกหรือขนากความจุเป็นปริมาตร ดังแสดงในตารางต่อไปนี้
ความยาว*เส้นผ่าศูนย์กลางริมนอก
(มิลลิเมตร)
ความจุ
(มิลิเมตร)
75 * 11
100 * 12
120 * 15
120 * 18
150 * 16
150 * 18
4
8
14
18
20
27

หลอดทดลองส่วนมากใช้สำหรับทดลองปฏิกิริยาเคมีระหว่างสารต่าง ๆ ที่เป็นสารละลาย ใช้ต้มของเหลวที่มีปริมาณ
น้อย ๆ โดยมี test tube holder จับกันร้อนมือ
หลอดทอลองแบบทนไฟจะมีขนาดใหญ่ และหนากว่าหลอดธรรมดา ใช้สำหรับเผาสารต่าง ๆ ด้วยเปลวไฟโดยตรงใน
อุณหภูมิที่สูง หลอดชนิดนี ้ไม่ควรนำไปใช้สำหรับทดลองปฏิกิริยาเคมีระหว่างสารเหมือนหลอดธรรมดา
กระบอกตวง (Graduated Cylinder) TOP
กระบอกตวงมีขนาดต่าง ๆ กันตั้งแต่ 5 มิลิลิตรจนถึงหลาย ๆ ลิตร ใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับวัดปริมาตร
ของของเหลวที่มีอุณหภูมิไม่สูงกว่าอุณหภูมิของห้องปกิบัติการ กระบอกตวงไม่สามารถใช้วัดของเหลว
ที่มีอุณหภูมิสูงได้ เนื่องจากอาจทำให้กระบอกตวงแตกได้ กระบอกตวงจะบอกปริมาตรของเเหลวอย่าง
คราว ๆ ถ้าต้องการวัดปริมาตรที่แน่นอนต้องใช้อุปกรณ์วัดปริมาตรอื่นๆ เช่น ไพเพท หรือบิวเรท โดย
ปกติความผิดพลาดของกระบอกตวงเมื่อมีปริมาตรสูงสุดจะมีประมาณ 1 เปอร์เซนต์ กระบอกตวง
ขนาดเล็กใช้วัดปริมาตรได้ใกล้เคียงความจริงมากกว่ากระบอกตวงขนาดใหญ่
วิธีอ่านปริมาตรของของเหลวในกระบอกตวงนั้นสามารถทำได้โดยการยกกระบอกตวงให้ตั้งตรงและให้
ท้องน้ำอยู่ในระดับสายตาและอ่านค่าปริมาตร ณ จุดต่ำสุดของท้องน้ำ
 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา