Clock


วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

ข้อแนะนำสำหรับการเก็บสิ่งส่งตรวจทั่วไป

  1.การเตรียมผู้ป่วยและภาชนะเก็บตัวอย่าง
1.ให้กรอกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยลงในใบนำส่งทางห้องปฏิบัติการให้ครบถ้วนและชัดเจน ได้แก่
·        ชื่อ นามสกุล หอผู้ป่วย อายุ HN. Diagnostic วันเวลาที่เก็บ ชนิดของสิ่งส่งตรวจ
·        แพทย์ผู้สั่งให้ตรวจ และรายการที่ต้องการให้ทำการทดสอบ โดยทำเครื่องหมายถูก ( / ) ที่หน้าการทดสอบที่ต้องการส่งตรวจ ในกรณีผู้ป่วยนอก ให้ระบุสิทธิการรักษาด้วย
2. เขียนป้ายสำหรับติดข้างภาชนะเก็บสิ่งส่งตรวจ ประกอบด้วย ชื่อ นามสกุลผู้ป่วย HN. หอผู้ป่วย และการทดสอบที่ต้องการ ให้ชัดเจนและอ่านง่ายโดยมี ในกรณีส่งงานธนาคารเลือดให้ระบุวันที่ และชื่อเจ้าหน้าที่ที่เจาะเก็บ
3. แนะนำให้ผู้ป่วยทราบถึงวิธีเก็บสิ่งส่งตรวจที่ถูกต้อง เช่น
การเก็บสิ่งส่งตรวจ / ตัวอย่าง
ข้อแนะนำ
เลือด
1.ควรงดอาหาร 6-8 ชั่วโมงสำหรับการตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด
2. ควรงดอาหาร 12 ชั่วโมงสำหรับการตรวจไขมันในเลือด
ปัสสาวะ
ก่อนการเก็บปัสสาวะ ให้ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาด แนะนำให้ผู้ป่วย ถ่ายปัสสาวะช่วงแรกทิ้งไปก่อนและเก็บปัสสาวะตอนกลางช่วง( Mid stream urine ) และต้องไม่ปนเปื้อนอุจจาระ
อุจจาระ
ให้เก็บอุจจาระด้วยไม้เก็บอุจจาระ ให้ได้อุจจาระปริมาณเท่ากับข้อนิ้วก้อย ควรเลือกส่วนที่มีมูก เลือดปนหรือตัวพยาธิที่มองเห็น และไม่มีปัสสาวะปนเปื้อน
เสมหะ
แนะนำให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึกๆ และขากเสมหะออกมาซึ่งจะได้ตัวอย่างจากปอดหรือหลอดลมส่วนลึกๆ ควรเลือกเอาส่วนที่มีเลือดหรือหนองปนแนะนำให้เก็บตอนตื่นนอนเช้า
หมายเหตุ ควรแนะนำผู้ป่วยให้เก็บสิ่งส่งตรวจให้ได้ตามปริมาณที่แนะนำ
                                       4.ข้อแนะนำภาชนะสำหรับใช้ในการส่งสิ่งส่งตรวจ
ภาชนะ
ปริมาณ และแนวทางปฏิบัติ
กระป๋องสำหรับเก็บปัสสาวะ
20-30 ml.ปิดฝาให้สนิท
ขวดใส่อุจจาระ
ปริมาณเท่าข้อนิ้วก้อย และปิดฝาให้สนิท
Tube ที่มี EDTA
2.5 ml     mix ให้เข้ากัน*
Tube ที่มี NaF ( for Glucose)
2.5 ml mix ให้เข้ากัน*
Tube ที่มี 3.8% Citrate ( for PT,PTT )
2.5 ml mix ให้เข้ากัน*
Tube sterile สำหรับเจาะเก็บเลือด Clotted Blood
5 ml ขึ้นไปปิดฝาให้สนิท
ขวด Hemoculture สำหรับเด็ก/ผู้ใหญ่
0.1-10 ml mix ให้เข้ากัน*
ขวด Cary-blair
ไม้พันสำลี จิ้มสิ่งส่งตรวจ จุ่มใน Agar
ขวด Stuart media
ขวด Sterile สำหรับส่งเพาะเชื้อ
1.0 ml. และปิดฝาให้สนิท                                                    
หมายเหตุ การ  Mix  ให้ได้ผลดี โดยทำการปิดฝา  Tube  แล้วพลิกคว่ำ หงายกลับไปมา 5-10 ครั้งทันที
                                      5. ข้อควรปฏิบัติและพึงระวังสำหรับการเจาะเก็บเลือดส่งตรวจ
5.1 ห้ามเจาะเลือดจากเส้นเลือดที่กำลังมีการให้สารน้ำหรือยา
5.2 ไม่ฉีดเลือดจาก Syringe ไปยังภาชนะจัดเก็บสิ่งส่งตรวจผ่านเข็ม ( ให้ปลดเข็มออกจาก Syringe ก่อน ) เพราะจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ยกเว้นการเจาะเก็บ  Hemoculture ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนการ เจาะเก็บ Hemoculture
5.3 ห้ามถ่ายเทเลือดจากหลอดที่มีสารกันเลือดแข็งไปยังหลอด Clotted blood
5.4 ห้ามนำเลือดเก็บในช่องแช่แข็งหรือช่องแช่เย็น
5.5 ขั้นตอนการเช็ดทำความสะอาดด้วย 70% alcohol ควรรอให้ alcohol แห้งก่อนทำการเจาะเก็บ
5.6 กรณีที่ต้องเก็บเลือดใส่ Tube ที่มีสารกันเลือดแข็งควร mix ผสมเลือดและสารกันเลือดแข็งให้เข้ากันทันทีโดยพลิก-คว่ำหลอดกลับไปมา 5-10ครั้ง
5.7 ควรเจาะเลือดให้ได้ปริมาณเพียงพอตามที่กำหนด
5.8 การเจาะเก็บเลือดใส่หลอด Capillary tube สำหรับส่งตรวจ MBB ต้องเก็บให้ได้ปริมาณ 3 ใน 4 ส่วนของหลอดเป็นอย่างน้อย และหุ้มปิดด้วยกระดาษทึบแสงสีน้ำตาลไม่ให้ถูกแสง นำส่งห้องปฏิบัติการโดยเร็ว
5.9 การเจาะเลือดส่งตรวจหาเชื้อ มาลาเรีย ควรเจาะเก็บขณะที่ผู้ป่วยมีอาการไข้-หนาวสั่น
                      
 
                      
ชนิดการเก็บตัวอย่าง
แนวทางปฏิบัติ
การเจาะเก็บเลือดจากปลายนิ้วหรือส้นเท้า
    สำหรับการตรวจ  Hct, MBB, Glucose strip, Blood group, CBC (กรณีไม่สามารถเจาะจากเส้นเลือดดำได้)
1.บีบนวดหรือคลึงเบาๆบริเวณที่จะเจาะ
2.เช็ดทำความสะอาดด้วย 70% alcohol ทิ้งให้แห้ง
3.ใช้ blood lancet เจาะให้ลึกประมาณ 3 mm.
4.ใช้สำลีแห้งเช็ดเลือดหยดแรกทิ้งไป
5.บีบเบาๆให้เลือดไหลเข้า Capillary tube red tab ไม่ควรบีบเค้นอย่างแรงและไม่มีฟองอากาศ
6.ใช้ สำลีแห้ง sterile ปิดแผลให้เลือดหยุดไหล
การเจาะเลือดจากเส้นเลือดดำ
   สำหรับการตรวจทางโลหิตวิทยา เคมี ภูมิคุ้มกัน การเตรียมโลหิต และการทดสอบอื่น
  ในกรณี ส่งตรวจ CD4, HIV Viral Load, HBV Viral Load, HCV Viral Load, HCV genotype, เก็บตัวอย่างใส่ Volume EDTA tube(ข้อ 6)
1.  เตรียมภาชนะ (Tube)  ที่ปิดป้ายชื่อเรียบร้อย, Syringe และเข็ม,สายยางรัดแขน
2.  ใช้สายยางรัดตำแหน่งเหนือบริเวณที่จะเจาะประมาณ  นิ้วแล้วแนะนำให้ผู้ป่วยกำมือ
3.  เช็ดทำความสะอาดตำแหน่งที่จะเจาะและบริเวณรอบ ๆ ด้วย 70 % Alcohol  ปล่อยไว้ให้แห้ง
4.  ทำการเจาะและดูดเอาเลือดให้ได้ปริมาณที่เพียงพอสำหรับการตรวจวิเคราะห์
5.  ดึงปล่อยสายยางที่รัดแขนออกและใช้สำลีแห้ง  Sterile  ปิดเบาๆ ตรงแผลแล้วดึงเข็มออก
6.  ปลดเข็มออกจาก Syringe  ทิ้งในภาชนะที่ปลอดภัยแล้วถ่ายเทเลือดไปยังภาชนะหรือ Tube ที่เตรียมไว้
7.  ปิดฝาและผสมเลือดและสารกันเลือดแข็งให้เข้ากัน
8.  ส่งสิ่งตรวจไปยังห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่งและสมุดรับ ส่งสิ่งส่งตรวจ
การเจาะเลือดส่งตรวจ  Blood  gas โดยวิธีเจาะเก็บด้วย syringe
1.เคลือบ syringe ด้วย heparin (โดยดูด heparin เข้าไปใน syringe แล้วฉีดออก )
2.เจาะเลือดจากเส้นเลือดแดงให้ได้ปริมาณ 1-2 ml.
3.ปิด  syringe ให้มิดชิด ไม่ให้มีอากาศผ่านเข้าออกได้ (ปิดปลายเข็มด้วยจุกยางและงอเข็ม)
4.นำ syringe ใส่ถุงพลาสติกและแช่เย็นในกระติกที่มีน้ำแข็งหรือมี Ice pack
5.รีบนำส่งห้องปฏิบัติการทันที              
การเจาะเลือดส่งตรวจ  Blood  gas โดยวิธีเจาะเก็บด้วย capillary tube
1.ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นๆหรือหนาๆหุ้มบริเวณที่จะเจาะเลือด 3-5 นาที ก่อนเจาะเลือดเพื่อให้มี blood flow ที่ดี หากต้องใช้การนวด ควรนวดเป็นจังหวะ เช่น กดนิ้วหรือส้นเท้าที่จะเจาะ 1 วินาทีแล้วปล่อย 3 วินาทีสลับกัน
2.เอาผ้าที่หุ้มออก เจาะเลือดด้วย Blood lancet ให้เกิด free flow
3.เช็ดเลือดหยดแรกออก นำ heparinized capillary tube (เบิกได้ที่ OPD Lab) มา fill เลือดเข้าประมาณ 85-90% ของความจุหลอด capillary tube
4.ใส่แท่งแม่เหล็กสำหรับผสมเลือด (mixing flea)เข้าไปในหลอด capillary ที่บรรจุเลือดอยู่
5.ใช้จุกปิด capillary  tube ทั้ง 2 ด้าน เอาแม่เหล็กมารูดขึ้นลงข้าง capillary tube เพื่อ mix เลือดและ heparin ที่เคลือบอยู่ภายในให้รูดขึ้น-ลง 10 ครั้ง
6.นำ capillary tube ใส่ถุงพลาสติกและแช่เย็นในกระติกที่มีน้ำแข็งหรือมี Ice pack
7. รีบนำส่งห้องปฏิบัติการทันที
การเจาะเลือดส่งตรวจ  Blood  Alcohol
1.  กรอกข้อมูลผู้ป่วยในใบนำส่งและปิดป้ายชื่อ สกุล –HN ที่ Tube EDTA
2.  เจาะเลือดโดยปฏิบัติตามวิธีเจาะเก็บเลือดและใส่เลือดเข้าไปในหลอดที่เตรียมไว้ 2.5 – 3 ml  ปิดฝาให้สนิท แล้วปิดทับด้วยพาราฟิล์ม
3.  Mix  โดยการคว่ำหลอดไป มา  5-10  ครั้ง
4.  นำสิ่งส่งตรวจนำส่งห้องปฏิบัติการโดยทันทีในวันและเวลาราชการ  ถ้าไม่สามารถส่งได้ทันทีให้เก็บแช่ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ 2-8 C
                                     
2.2 ปัสสาวะ
ชนิดการเก็บตัวอย่าง
แนวทางปฏิบัติ
ปัสสาวะ(Random-Mid stream Urine)
      การเก็บปัสสาวะวิธีนี้ใช้สำหรับส่งตรวจ U/A, UPT, Urine amylase, Urine electrolyte ,ตรวจหาสารเสพติดและสารพิษ
1.เตรียมภาชนะสำหรับใส่ปัสสาวะที่ติดป้ายชื่อเรียบร้อยแล้ว
2.ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาด
3.ถ่ายปัสสาวะช่วงแรกทิ้งไปก่อนและเก็บปัสสาวะตอนกลางช่วง (Mid stream urine ) ให้ได้ปริมาณ 20-30 ml. แล้วถ่ายปัสสาวะช่วงท้ายทิ้งไป
4.ปิดฝาภาชนะให้สนิทนำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่งและสมุดรับ-ส่งสิ่งส่งตรวจ
ปัสสาวะแบบ 24 ชั่วโมง(Urine 24 Hours)
การเก็บปัสสาวะวิธีนี้เหมาะสำหรับการส่งตรวจ Urine protein 24 hrs., Urine creatinine 24 hrs.,  Urine electrolyte 24 hr. เป็นต้น
 ในกรณี ส่งตรวจ Urine VMA ติดต่อสอบถาม วิธีเก็บตัวอย่างที่ ห้องปฏิบัติการ(โทร 480)
1. เตรียมขวดสะอาดสำหรับเก็บและมีขีดบอกปริมาตร เช่น ขวดน้ำกลั่น
2. เขียนป้ายสำหรับติดขวดโดยระบุชื่อ-นามสกุล, HN.,วันและเวลาที่เริ่มเก็บ-เวลาที่ครบ 24 ชั่วโมง
3. ขั้นตอนการเก็บ  เริ่มจากให้ผู้ป่วยปัสสาวะทิ้งไปก่อนเวลาจะจัดเก็บ เช่น จะเริ่มเก็บ 08.00 น. ให้ผู้ป่วยปัสสาวะทิ้งไปก่อนเวลา 08.00 น. หลังจากนั้นให้เก็บปัสสาวะที่ผู้ป่วยขับถ่ายทุกครั้ง เทใส่ขวดที่เตรียมไว้โดยระหว่างเก็บให้เก็บรักษาขวดในที่เย็น เช่น ตู้เย็น กล่องโฟมใส่น้ำแข็งมีฝาปิด
4. เมื่อครบ24 ชั่วโมงให้บันทึกปริมาตรปัสสาวะทั้งหมดที่ได้ (หน่วยเป็น ml.) เขย่าผสมให้เข้ากันแล้วแบ่งใส่ กระป๋องเก็บปัสสาวะ 5-10 ml. ปิดฝาและเขียนชื่อ-นามสกุล, HN., Ward  ปริมาตรที่ได้ติดข้างภาชนะ
5.เขียนใบนำส่ง ส่งห้องปฏิบัติการโดยระบุข้อมูลให้ครบถ้วนตามแบบฟอร์มใบนำส่งระบุปริมาตรปัสสาวะทั้งหมดที่ได้
การเก็บปัสสาวะสำหรับเพาะเชื้อ (Urine culture)        
ดูในหัวข้อการเก็บสิ่งส่งตรวจเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย

                                      
ชนิดการเก็บตัวอย่าง
แนวทางปฏิบัติ
Stool
     การเก็บวิธีนี้สำหรับการตรวจ Stool exam, stool occult blood, stool modified AFB for Cryptosporidium spp., stool AFB stain for Mycobacterium spp.
1.เตรียมขวดหรือตลับที่ปิดป้ายชื่อเรียบร้อยและไม้สำหรับเขี่ยอุจจาระ
2.ให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระใส่กระโถนหรือโถส้วมโดยใช้กระดาษชำระรอง
3.เขี่ยอุจจาระโดยเลือกบริเวณที่มีมูก, เลือดหรือตัวพยาธิปนมา ให้ได้ปริมาณเท่าข้อปลายนิ้วก้อย
4.ปิดฝาให้สนิทนำส่งห้องปฏิบัติการ พร้อมใบนำส่งและสมุดรับ-ส่งสิ่งส่งตรวจ
การเก็บอุจจาระเพื่อส่งเพาะเชื้อ
ดูในหัวข้อการเก็บสิ่งส่งตรวจเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย   
การเก็บเพื่อวินิจฉัยโรคโปลิโอ
ดูในหัวข้อการเก็บสิ่งส่งตรวจเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย   

                                     
ชนิดการเก็บตัวอย่าง
แนวทางปฏิบัติ
การเก็บ CSF  ส่งตรวจ
1.เตรียมป้ายชื่อ นามสกุล , Ward  ผู้ป่วยติดที่ภาชนะสำหรับใส่ (ขวด Sterile) ให้ครบตามการทดสอบที่ต้องการ  นำส่งแยกตามห้องปฏิบัติการสาขาละขวดและปิดหมายเลขขวดที่ 1,2,3  และกรอกข้อมูลในใบนำส่งให้ครบถ้วน
2.แพทย์ทำการเจาะแล้วดูด CSF  ให้ได้ปริมาณเพียงพอสำหรับการตรวจวิเคราะห์
3.ใส่  CSF  ในขวด  Sterile  ที่เตรียมไว้โดยใส่ขวดละ  1-2 ml  ปิดฝาให้สนิทนำส่งห้องปฏิบัติการสาขาละ  ขวด
4.นำสิ่งส่งตรวจพร้อมใบนำส่งและสมุดรับ ส่งห้องปฏิบัติการโดยเร็ว
น้ำเจาะปอด/ น้ำเจาะท้อง/ น้ำเจาะเข่า
1.เตรียมป้ายชื่อ นามสกุล – Ward  ผู้ป่วยติดที่ภาชนะสำหรับใส่สิ่งส่งตรวจ  โดยใช้ขวด Sterile  ให้ครบทุกห้องปฏิบัติการสาขาที่ต้องการตรวจ  ห้องละ  ขวดและกรอกข้อมูลผู้ป่วยใบนำส่งให้ครบถ้วน
2.แพทย์ทำการเจาะดูด  น้ำเจาะปอด/ น้ำเจาะท้อง/ น้ำเจาะเข่าให้ได้เพียงพอสำหรับการตรวจวิเคราะห์
3.ใส่  น้ำเจาะปอด/ น้ำเจาะท้อง/ น้ำเจาะเข่าในภาชนะที่เตรียมไว้ปิดฝาให้สนิทแล้วนำส่งห้องปฏิบัติการ

ชนิดการเก็บตัวอย่าง
แนวทางปฏิบัติ
การเก็บตัวอย่างโดยวิธีการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง(masturbation) ใส่ในขวดแก้ว หรือ กระป๋องพลาสติก ที่แห้งและสะอาด มีฝาปิดสนิท
1.ควรงดยาทุกประเภท 7 วัน ก่อนวันเก็บอสุจิ
2.งดการร่วมเพศก่อนเก็บน้ำอสุจิ 2-3 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน ทั้งนี้การตรวจแต่ละครั้งควรเก็บอสุจิ 2 ครั้ง ห่างกัน 7 วัน แต่ไม่เกิน 3 เดือน
3.ห้ามใช้ถุงยางอนามัยเก็บน้ำอสุจิเพราะจะทำให้เชื้ออสุจิเคลื่อนไหวช้าหรือตายได้
4.ต้องเก็บน้ำอสุจิให้หมดทุกครั้งที่มีการหลั่ง ถ้าเก็บมาได้ไม่ทั้งหมดไม่ควรนำมาทดสอบ
5.ห้ามนำน้ำอสุจิไปเก็บแช่เย็น ทั้งนี้อุณหภูมิที่เหมาะสม สำหรับเก็บน้ำอสุจิก่อนการตรวจอยู่ ระหว่าง 20-40 องศาเซลเซียส

                                   
ชนิดการเก็บตัวอย่าง
แนวทางปฏิบัติ
การเก็บอุจจาระเพื่อเพาะเชื้อแบคทีเรีย

1.ในกรณีเก็บจากถาดรองอุจจาระ ใช้ไม้พันสำลีปราศจากเชื้อ  ป้ายอุจจาระที่ถ่ายใหม่ ๆ ใส่ลงในขวด  Carry  blair  Medium ให้ลึกถึงก้นขวด  แล้วหักไม้ส่วนเกินปากขวดทิ้งไป  ปิดปากขวด  นำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่ง
2.ในกรณีเก็บจาก Rectum  โดยใช้ไม้พันสำลีปราศจากเชื้อจุ่มลงที่  ขวด  Carry  blair  Medium  เล็กน้อยเพื่อทำให้ลื่น  แล้วสอดเข้าในทวารหนักของผู้ป่วย  ให้ลึกประมาณ  1-1.5  นิ้ว  หมุนให้ครบรอบ แล้วดึงออกมาใส่ขวด  Carry  blair  Medium  ให้ลึกถึงก้นขวด  แล้วหักไม้ส่วนเกินปากขวดทิ้งไป  ปิดปากขวด  นำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่ง
การเก็บอุจจาระเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคโปลิโอ
 
1.ให้ติดต่อขอรับภาชนะสำหรับเก็บอุจจาระได้ที่ห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาคลินิก ชั้นที่ 4 ตึกพยาธิวิทยา
2.ส่วนแบบฟอร์มการนำส่งให้ติดต่อขอรับได้ที่กลุ่มงานเวชกรรมสังคม ซึ่งจะมีคำแนะนำในการเก็บตัวอย่างที่เหมาะสมให้ เมื่อทำการเก็บและกรอกแบบฟอร์มครบถ้วนแล้ว
3.ให้นำส่งห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาคลินิก เพื่อดำเนินการส่งตรวจต่อ
การเก็บเสมหะเพื่อการย้อมสีและเพื่อเพาะเชื้อแบคทีเรีย
    การทดสอบ AFB, Modified AFB, Gram Stain
และ Culture
1.เก็บเสมหะตอนเช้าหลังจากตื่นนอนใหม่ ๆ โดยผู้ป่วยบ้วนปากหลาย ๆ ครั้งด้วยน้ำเปล่า  เพื่อลดจำนวนเชื้อประจำถิ่นให้น้อยลง  ห้ามใช้น้ำยาบ้วนปากหรือน้ำยาฆ่าเชื้อใด ๆ
2.ให้ผู้ป่วยไอลึก ๆ แรง ๆ แล้วบ้วนเสมหะใส่ขวด  Stuart  Medium  (หรือบ้วนลงในตลับเปล่า ใช้ไม้พันสำลีปราศจากเชื้อป้ายเอาเสมหะ  เลือกป้ายเอาจากส่วนของเสมหะที่มีสีเหลืองเขียวหรือดูแล้วผิดปกติปิดขวด  แล้วนำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่ง  และตรวจดูให้แน่ใจว่าเป็นเสมหะไม่ใช้น้ำลาย  เพราะหากสิ่งส่งตรวจไม่ถูกต้องจะทำให้ผลผิดพลาดได้
การเก็บสิ่งส่งตรวจจากลำคอ (Throat  swab) เพื่อเพาะเชื้อแบคทีเรียโรคคอตีบ(Corynebacterium diphtheriae)
 
1.ให้ผู้ป่วยอ้าปากให้กว้าง   ใช้ไม้กดลิ้นลงบริเวณกลางลิ้น  แล้วใช้ไม้พันสำลีปราศจากเชื้อสอดเข้าไปป้ายบริเวณส่วนหลังของลำคอ  ต่อมทอนซิล  หรือบริเวณที่อักเสบ  หรือมีหนอง  ซึ่งต้องะวังไม่ให้ถูกลิ้นหรือกระพุ้งแก้ม  แล้วนำใส่ขวด  Stuart  Medium  หักไม้ส่วนเกินที่ยาวเกินปากขวดทิ้งไป  ปิดปากขวด  นำส่งห้องปฏิบัติการ
 2.ในกรณีสงสัย C. diptheriae ให้ติดต่อขอรับ Tube Pai’s Egg Medium Slant  ที่ห้องปฏิบัติการเพื่อนำมาเป็นภาชนะสำหรับเก็บสิ่งส่งตรวจ
การเก็บหนองจากแผลหรืออวัยวะอื่น  เพื่อย้อมสี Gram Stain, AFB
1.ภาชนะที่ใช้เก็บคือ  ขวด  Sterile
2.ในกรณีที่ ไม่สามารถเก็บใส่ ขวด Sterile.ให้ใช้ Slide ฝ้า โดยเขียน  ชื่อ  นามสกุล, HN, Ward  ของผู้ป่วย บริเวณฝ้า ด้วยดินสอดำ แล้วนำ  Swab ที่มีหนองมาป้ายตรงกลาง  Slide  ในลักษณะรูปวงรี  ไม่หนาหรือบางจนเกินไป ทิ้งไว้ให้แห้ง  นำใส่ซองพลาสติกใส  เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
นำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่ง
การเก็บหนองจากแผลหรืออวัยวะอื่น  เพื่อเพาะเชื้อแบคทีเรีย
1.ในกรณีเป็นแผลปิด  ให้ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดบริเวณผิวหนังภายนอกรอให้แอลกอฮอล์แห้ง  ใช้เข็มสะกิดให้แผลเปิด  แล้วไม้พันสำลีปราศจากเชื้อ  ป้ายหนองบริเวณก้นแผลใส่ในขวด  Stuart  Medium  ให้ลึกถึงก้นขวด  แล้วหักไม้ส่วนที่ยาวเกินปากขวดทิ้งไป  ปิดปากขวด  ถ้าเป็นตุ่มหนองขนาดใหญ่  อาจใช้เข็มและกระบอกฉีดยาเจาะดูด  ใส่ในขวด  Sterile  ปิดปากขวด  นำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่ง
2.ในกรณีเป็นแผลเปิด  ให้เก็บโดยใช้ไม้พันสำลีปราศจากเชื้อ  ป้ายหนองบริเวณก้นแผล (ซึ่งต้องระวังการปนเปื้อนจากการสัมผัสกับผิวหนังบริเวณปากแผลแล้วใส่ในขวด  Stuart  Medium  ให้ลึกถึงก้นขวด  แล้วนำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่ง
การเก็บปัสสาวะ  เพื่อเพาะเชื้อแบคทีเรีย
 
1.ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศหญิงและชายด้วยสบู่  ล้างด้วยน้ำสะอาด  ซับให้แห้ง
2.ให้ปัสสาวะทิ้งไปเล็กน้อย  แล้งจึงปัสสาวะลงในขวด  Sterile  ปิดปากขวด  นำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่ง
การเก็บน้ำไขสันหลังและ Body  Fluid  อื่น ๆ เพื่อเพาะเชื้อแบคทีเรียและการย้อมสี
ให้เจาะเก็บใส่ในขวด  Sterile  ปิดปากขวด  แล้วนำส่งห้องปฏิบัติการ
การเก็บเลือดเพื่อเพาะเชื้อแบคทีเรีย (Hemoculture)
1.การเตรียมผู้ป่วยและเก็บเลือดเพื่อส่งตรวจ 
      ในผู้ป่วยเด็กให้ส่งตรวจ  ขวด โดยควรเจาะเก็บเลือดก่อนการให้ยาหรือขณะที่ไข้ขื้นสูง
       ในผู้ป่วยผู้ใหญ่  ให้ส่งตรวจ  ขวด 
   โดยควรเจาะเก็บเลือดให้ห่างกันอย่างน้อย  30  นาที  และในจำนวนนั้นควรเป็นเลือดที่เจาะในขณะที่ไข้ขึ้นสูง  และควรเปลี่ยนตำแหน่งที่เจาะเก็บเลือด
2.ปริมาณตัวอย่าง
       ผู้ใหญ่/เด็ก ใช้เลือด  ประมาณ  01-10  ml         
3.วิธีการเก็บตัวอย่าง
     3.1ให้ใช้ทิงเจอร์ไอโอดีน  เช็ดทำความสะอาดบริเวณที่จะเจาะในลักษณะเช็ดวนเป็นวงกว้างประมาณ  นิ้ว  โดยไม่ซ้ำรอยเดิม  เช็ดซ้ำด้วยแอลกอฮอล์  ใช้ผ้าก๊อสปราศจากเชื้อปิดไว้รอให้แห้ง
      3.2 ทำความสะอาดบริเวณจุกยางด้วย 70% alcoholหรือสารละลายไอโอดีน(10% povidine-iodine)
      3.3 ใช้กระบอกฉีดยาและเข็ม  เจาะเลือด  ตามปริมาตรที่ต้องการ
       3.4 เปลี่ยนเข็มเจาะเลือด  และแทงเข็มผ่านจุกยางของขวด
        3.5 ปล่อยเลือดลงสู่ขวดตามปริมาตรที่กำหนด  เขย่าขวดเบา ๆ เพื่อให้เลือด และน้ำยาเข้ากันดี (ต้องไม่มีก้อน  Clotted  เกิดขึ้นแล้วนำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบนำส่ง
การเก็บ KOH  และ  Leprosy
1.ในกรณีผู้ป่วยนอก  ห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาดำเนินการเอง
2.ในกรณีผู้ป่วยใน ให้ขูด Lesion ใส่ slide ประกบกันส่งตรวจ
การเก็บสิ่งส่งตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค  SARS  และ  Avian  Flu
ให้ประสานกับงาน  IC เพื่อดำเนินการตามแผน ของโรงพยาบาล

                                      
ภาชนะเก็บสิ่งส่งตรวจ
วิธีการเก็บรักษาภาชนะเก็บ
ใช้เก็บสิ่งส่งตรวจ
ขวด  Sterile 
เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง
Urine, CSF  และ  body  fluid  ของร่างกายเพื่อทำ C/S
ขวด  Stuart  Medium 
เก็บไว้ที่ตู้เย็นอุณหภูมิ  2-8 C  และก่อนใช้ทุกครั้งต้องนำมาไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ  20  นาที  เพื่อให้หายเย็น
 
Sputum, Throat’s  swab  และ  Pus  Sputum จากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อทำ  C/S 
ขวด  Carry  blair 
Stool, Rectal  swab  เพื่อทำ  C/S
ขวด  Hemoculture
 
เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องเก็บ(15-30C)  และเป็นที่แสงแดดส่องไม่ถึง  และ  ห้ามเก็บไว้ในตู้เย็น
เก็บเลือดเพื่อทำ  C/S  
 
ตลับพลาสติก
Slide ปลายฝ้า
เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง
เก็บสิ่งส่งตรวจเพื่อทำ  Gram stain, AFB stain
                                       ข้อควรระวัง
  • ภาชนะทุกชนิด  มีวันหมดอายุ  กรุณาตรวจดูที่ข้างขวด  หากหมดอายุแล้วห้ามใช้และกรุณานำขวดส่งคืนที่ตึกพยาธิ
  • ภาชนะที่เก็บสิ่งส่งตรวจแล้ว ( สำหรับเพาะเชื้อแบคทีเรีย ) ไม่สามารถนำส่งห้องปฏิบัติการได้ภายใน ชั่วโมง  ให้เก็บไว้ที่ตู้เย็นอุณหภูมิ  2-8  C. ยกเว้น ภาชนะที่ใส่  CSF, Body  Fluid, Hemoculture  ให้เก็บที่อุณหภูมิห้อง
 
การทดสอบ
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1.การทดสอบ VCT (Venous Clotting  Time)
2.Bleeding Time
3.การเก็บตัวอย่างกรณีไข้หวัดนก
1.สำหรับการตรวจ  VCT  และ  Bleeding  Time  ให้หอผู้ป่วยกรอกข้อมูลผู้ป่วยในใบนำส่งให้ครบถ้วนแล้วนำส่งที่จุดรับสิ่งส่งตรวจ
2.เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับใบนำส่งแล้วก็จะออกไปทำการเจาะเก็บ
3.สำหรับการเก็บตัวอย่างกรณีไข้หวัดนกให้โทรติดต่องานจุลชีววิทยาโดยตรงที่ หมายเลขภายใน  481 เจ้าหน้าที่งานจุลชีววิทยาจะเป็นผู้ดำเนินการเก็บตัวอย่างโดยเร็ว
ในกรณีนอกเวลาราชการ ติดต่อหมายเลขภายใน  472 ห้องปฏิบัติการผู้ป่วยนอก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา