Clock


วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

การรายงานผล HbA1C และ estimated Average Glucose (eAG) ในอนาคต

ภาพจาก http://phimaimedicine.blogspot.com/2009/12/convert-glycosylated-hemoglobin-a1-to.html

การายงานผล HbA1c และ estimated Average Glucose (eAG) ในอนาคตอันใกล้

การตรวจวิเคราะห์ HbA1c นั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางให้เป็นการวัดระดับกลูโคสในระยะยาว ซึ่งหมายถึงการวัดระดับความเข้มข้นของกลูโคสที่สะสมในช่วงเวลาหนึ่งๆไปจนถึง ระยะเวลา 3 เดือน การศึกษาทางด้านระบาดวิทยาและการทดสอบทางคลินิก เช่น UK Prospective Diabetes Study ( UKPDS) และ Diabetes Control and Complications Trial (DCCT) ได้แสดงเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างระดับ HbA1c และความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อนจากเบาหวานในระยะยาว โดยทั่วไป HbA1c ที่มีเป้าหมายสำหรับการบริหารจัดการโรคเบาหวานถูกใช้ในความหมายของการถ่วง เวลาหรือป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน

ในอดีตหลักการที่ใช้วิเคราะห์ HbA1c อยู่หลายหลักการ ซึ่งหลักการที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ ion exchange chromatography และ affinity chromatography แต่ยังพบข้อจำกัดบางประการของหลักการวิเคราะห์ทั้ง 2 หลักการนี้อยู่บ้าง เช่น

ion exchange chromatography ขาดความจำเพาะต่อ HbA1c เนื่องจาก Hb–variant หรือ derivative ของ Hb จะถูก elude ออกมาปะปนกับ HbA1c และถูกวัดรวมไปด้วย นอกจากนี้ยัง interferes ด้วยสารที่มีความคล้ายคลึง กับ HbA1c เช่น carbamylation (มีปริมาณของ urea ในเลือดสูง) และ acetylation ( ได้รับ aspirin ในปริมาณมาก) เป็นต้น

boronate affinity สามารถวัดได้เพียง glycated hemoglobin (GHb) ดังนั้นจึงต้องทำการคำนวณกลับเป็นค่าร้อยละ HbA1c ภายหลัง

ส่วนหลักการ Immunological methods นั้นได้พัฒนา antibody ที่จำเพาะต่อโมเลกุลของ glucose ที่จับกับ amino acid – valine ตรงตำแหน่ง N- terminal ของสายโปรตีน B- chain ซึ่งเป็นตำแน่งที่กำหนดให้ทำการวัดค่าของ HbA1c หลักการ immunoassay นั้น ในปัจจุบันมีอยู่หลายหลักการ เช่น enzyme immunoassay (EIA), turbidimetrical inhibition immunoassay เป็นต้น หลักการ immunoassay นี้ไม่ถูก interfere ด้วย Hb–variants และ carbamylated Hb

ดังนั้นสาระสำคัญของการวิเคราะห์และการรายงานผล HbA1c จึงต้องมีการสอบเทียบวิธีการวิเคราะห์กับวิธีมาตรฐานของการวิเคราะห์ HbA1c กับสถาบัน International Federation of Clinical Chemistry and Laboratory Medicine (IFCC) เพื่อให้การตรวจวิเคราะห์ของ HbA1c มีความถูกต้องแม่นยำตามาตรฐานสากลและมีการเทียบเคียงกับวิธีเดิมของ NGSP (National Glycohemoglobin Standard Program)

นอกจากนั้น ยังมีการศึกษาการทดสอบ HbA1c เพิ่มเติมภายหลัง Standardize reference methods กับ IFCC โดย 3 สถาบันหลัก คือ ADA/EASD/IDF Working Group ในผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 507 คน เป็นเวลา 3 ปี (2006-2008) โดยที่ความสัมพันธ์ของ HbA1c ที่ 3 เดือนและ Average glucose ระหว่าง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญของ % HbA1c และ Average glucose (AG)

และยังได้นำเสนอให้มีการคำนวณผล ค่าประมาณการเฉลี่ยระดับ Glucose หรือที่เรียกว่า estimated Average Glucose (eAG) หรือ A1c Derived Average Glucose (ADAG) ดังตาราง

จากผลการศึกษาของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจึงได้นำเสนอในห้องปฏิบัติ การ ทำการรายงานผลการทดสอบ HbA1c ทั้งในระบบ NGSP (%) และ IFCC (mmol/mol) ร่วมกับการแสดงค่า eAG เพื่อให้แพทย์ผู้เกี่ยวข้องคุ้นเคยกับหน่วยงานใหม่ IFCC และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเทียบเคียงการตรวจ HbA1c กับการตรวจติดตามผลน้ำตาลปลายนิ้วด้วยตนเองได้คร่าวๆช่วยทำให้แพทย์สามารถ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง

**หมายเหตุ**

ADA – American Diabetes Association

EASD – European Association for a Study of Diabetes

IDF – International diabetes Federation

NGSP – National Glycohemoglobin Standard Program

DCCT – The Diabetes Control and Complications Trial

แหล่งที่มา Sudaporn Kraivapee DIAGTODAY Roche Diagnostics Thailand Issue 2-2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา