จินตนา สาวใหญ่วัย 50 ปี เริ่มแรกเธอมีอาการไอแห้ง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
เรื่องราวเกี่ยวกับการไอและการไอนั้นมีหลายแบบ แบบมีเสมหะ แบบไม่มีเสมหะ
แบบไอแห้ง
อาจจะทำไห้สับสนว่าเป็นโรคหวัดเช่นเดียวกับจินตนาซึ่งเป็นอาการที่อันตราย
มาก การเจ็บสีข้างนั้นทำให้เกิดความสับสน
ระหว่างโรคมะเร็งปอดกับอาการปวดตามเส้นประสาท ระหว่างซี่โครง
เพราะความเข้าใจผิดนี่เอง จินตนาจึงปล่อยทิ้งไว้ 3 เดือน
เมื่อตรวจพบก็สายเสียแล้ว เพราะมะเร็งได้ลุกลามไปสู่ปอด
จินตนาจึงต้องจบชีวิตลงด้วยวัยเพียง 51 ปี
กลุ่มเสียง
ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสองบ่อย ๆ
หรือสูดควันที่มีแร่ใยหินปะปนอยู่
หรือการสะสมของผงหินหรือโลหะในปอดอันเป็นผลมาจากการสูดดมควันจากท่อไอเสีย
ที่มาจากรถยนต์
นอกจากนี้ หากบิดา-มารดาเป็นมะเร็งปอด
ก็ทำให้ลูกมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า
รวมถึงผู้ที่ป่วยเป็นถุงลมโป่งพองก็มีโอกาสเสี่ยงเช่นเดียวกัน
อาการที่พึงระวัง
ไอแห้ง ๆ ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน มีไข้แต่ไม่สูง เจ็บสีข้างอย่างมาก
***ผงโลหะที่เข้าไปสะสมในปอด จนเกิดเซลล์มะเร็งแพร่ขยายและลุกลามต่อไป***
***ภาพเปรียบเทียบระหว่างโรคปวดตามเส้นประสาทระหว่างซี่โครงและโรคมะเร็งปอด
ที่มักทำให้ผู้ป่วยเกิดความสับสนว่าเป็นโรคอะไรกันแน่***
ลักษณะของโรคมะเร็งปอด
โรคมะเร็งปอดมีหลายชนิด โดย EPIDERMOID CARCINOMA จะมีโอกาสพบได้ถึง 50%
สาเหตุอย่างแรกของมะเร็งปอดคือบุหรี่พบว่า 90% ของคนไข้เป็นผู้สูบบุหรี่ โดยจะมีสารประกอบประมาณ 4,000
ชนิดในควันบุหรี่ ในจำนวนนี้เกือบ 100 ชนิดเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
เพราะฉะนั้นเวลาที่เราสูดควันเข้าไปในปอด
ก็จะไปออกฤทธิ์ให้เนื้อเยื่อภายในปอดเกิดการเปลี่ยนแปลง
เมื่อสูดเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้เกิดเป็นมะเร็งได้ ส่วนสาเหตุอื่น ๆ
คือการได้รับควันบุหรี่มือสอง การสูดควันที่มีแร่ใยหินปะปนจอยู่
หรือการสูดควันพิษบนท้องถนน เมื่อได้รับควันพิษไปนาน ๆ
ผงโลหะเหล่านี้จะเข้าไปสะสมในปอดจนเกิดเซลล์มะเร็งแพร่ขยายและลุกลามต่อไป
ขณะนี้พบว่า ทั่วโลกมีผู้หญิงสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น
ทำให้เป็นโรคมะเร็งปอดและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นทุกปี
สำหรับมะเร็งปอดในผู้หญิงมีชื่อว่า อะดีโน คาร์ซิโนมา ซึ่งมีความรุนแรงสูง
แพร่กระจายได้เร็วตั้งแต่ระยะแรก เพราะฉะนั้นจึงมีโอกาสเสียชีวิตสูง
มะเร็งปอดระยะแรกจะไม่มีอาการเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ก่อนค่อย
ๆ เปลี่ยนไปทีละนิด ๆ จนเริ่มเกิดอาการ เช่น ไอ เจ็บหน้าอก
ซึ่งบ่งบอกได้ว่าอาจจะเริ่มมีการลามไปแล้ว
อาการไออาจจะเริ่มตั้งแต่เป็นระยะกลาง ๆ
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ส่วนใหญ่มักจะไอและมีเสมหะทุกวัน
ดังนั้นจึรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจริง ๆ
แล้วอาการไอมีความสำคัญตั้งแต่แรก ๆ ถ้าไอมากขึ้นและนานเกิน 2 สัปดาห์
โดยเฉพาะไอออกมาพร้อมกับมีเลือดปนจะมีความเสี่ยงสูงมากต่อการเกิดมะเร็ง
สำหรับคุณจินตนาซึ่งมีอาการไอแห้งในระยะแรก
เกิดจากเซลล์มะเร็งได้ลุกลามไปส่วนหนึ่งทำให้ปอดเสียหาย
ร่างกายจึงเกิดการต่อต้านและเริ่มแสดงอาการจนเกิดผลกระทบต่อหลอดลมใหญ่ซึ่ง
เป็นอวัยวะที่อยู่ติดกันจึงทำให้เกิดอาการไอแห้ง ๆ
หากเปรียบเทียบประชากรในชนบทและตัวเมืองของประเทศญี่ปุ่น จะพบว่า
ในชนบท ประชากร 1 แสนคน มีผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดประมาณ 12 คน
แต่ในเมืองจะมีผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดถึง 300 คน หรือมากกว่าถึง 25 เท่า
สำหรับคนกรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
พบว่ามีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง
คือจากควันพิษจากรถเมล์สาธารณะ รถจักรยานยนต์ การใช้ชีวิตบนท้องถนนมากกว่า 3
ชั่วโมงต่อวันรวมไปถึงคนที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรม โรงงานต่าง
ๆ อยู่ใกล้แหล่งถนนที่มีการจราจรติดขัด
วิธีการรักษาโรคมะเร็งปอด
หากตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรก การผ่าตัดมีโอกาสหายได้ หรือไม่ก็ช่วยให้มีอัตราการรอดชีวิตยืนยาวขึ้น
การรักษาร่วมหลังการผ่าตัดด้วยรังสีรักษาและเคมีบำบัด
ใช้ในรายที่มะเร็งมีระยะสูงขึ้น ทำให้อัตรารอดชีวิตยาวขึ้น
แต่ก็ต้องแลกกับคุกณภาพชีวิตที่สูญเสียไปบางส่วนจากผลข้างเคียงของการรักษา
รู้ไว้ ไกลโรคมะเร็งปอด
1. เลิกสูบบุหรี่ หรือไม่อยู่ใกล้ผู้สูบบุหรี่
2. พยายามหลีกเลี่ยงการสูดควันที่มีแร่ใยหิน หรืออยู่บนท้องถนนวันละหลายชั่วโมง
3. ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพราะการตรวจเจอมะเร็งระยะแรกส่วนใหญ่จะพบได้จากการตรวจสุขภาพและทำเอกซเรย์ปอด
แพทย์ผู้ให้ข้อมูล : นพ.วีระเดช สุวรรณลักษณ์ แพทย์หัวหน้าศูนย์ระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลพญาไท 1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น