Clock


วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มะเร็งปอดชนิดหนึ่ง ลักษณะและวิธีการรักษาโรคมะเร็งปอด

จินตนา สาวใหญ่วัย 50 ปี เริ่มแรกเธอมีอาการไอแห้ง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เรื่องราวเกี่ยวกับการไอและการไอนั้นมีหลายแบบ แบบมีเสมหะ แบบไม่มีเสมหะ แบบไอแห้ง อาจจะทำไห้สับสนว่าเป็นโรคหวัดเช่นเดียวกับจินตนาซึ่งเป็นอาการที่อันตราย มาก การเจ็บสีข้างนั้นทำให้เกิดความสับสน ระหว่างโรคมะเร็งปอดกับอาการปวดตามเส้นประสาท ระหว่างซี่โครง เพราะความเข้าใจผิดนี่เอง จินตนาจึงปล่อยทิ้งไว้ 3 เดือน เมื่อตรวจพบก็สายเสียแล้ว เพราะมะเร็งได้ลุกลามไปสู่ปอด จินตนาจึงต้องจบชีวิตลงด้วยวัยเพียง 51 ปี
 
     กลุ่มเสียง
     ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสองบ่อย ๆ หรือสูดควันที่มีแร่ใยหินปะปนอยู่ หรือการสะสมของผงหินหรือโลหะในปอดอันเป็นผลมาจากการสูดดมควันจากท่อไอเสีย ที่มาจากรถยนต์
     นอกจากนี้ หากบิดา-มารดาเป็นมะเร็งปอด ก็ทำให้ลูกมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า รวมถึงผู้ที่ป่วยเป็นถุงลมโป่งพองก็มีโอกาสเสี่ยงเช่นเดียวกัน
    
     อาการที่พึงระวัง
     ไอแห้ง ๆ ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน มีไข้แต่ไม่สูง เจ็บสีข้างอย่างมาก
    
     ***ผงโลหะที่เข้าไปสะสมในปอด จนเกิดเซลล์มะเร็งแพร่ขยายและลุกลามต่อไป***

     ***ภาพเปรียบเทียบระหว่างโรคปวดตามเส้นประสาทระหว่างซี่โครงและโรคมะเร็งปอด ที่มักทำให้ผู้ป่วยเกิดความสับสนว่าเป็นโรคอะไรกันแน่***
     ลักษณะของโรคมะเร็งปอด
     โรคมะเร็งปอดมีหลายชนิด โดย EPIDERMOID CARCINOMA จะมีโอกาสพบได้ถึง 50%
     สาเหตุอย่างแรกของมะเร็งปอดคือบุหรี่พบว่า 90% ของคนไข้เป็นผู้สูบบุหรี่ โดยจะมีสารประกอบประมาณ 4,000
ชนิดในควันบุหรี่ ในจำนวนนี้เกือบ 100 ชนิดเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เพราะฉะนั้นเวลาที่เราสูดควันเข้าไปในปอด ก็จะไปออกฤทธิ์ให้เนื้อเยื่อภายในปอดเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อสูดเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้เกิดเป็นมะเร็งได้ ส่วนสาเหตุอื่น ๆ คือการได้รับควันบุหรี่มือสอง การสูดควันที่มีแร่ใยหินปะปนจอยู่ หรือการสูดควันพิษบนท้องถนน เมื่อได้รับควันพิษไปนาน ๆ ผงโลหะเหล่านี้จะเข้าไปสะสมในปอดจนเกิดเซลล์มะเร็งแพร่ขยายและลุกลามต่อไป
     ขณะนี้พบว่า ทั่วโลกมีผู้หญิงสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เป็นโรคมะเร็งปอดและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นทุกปี สำหรับมะเร็งปอดในผู้หญิงมีชื่อว่า อะดีโน คาร์ซิโนมา ซึ่งมีความรุนแรงสูง แพร่กระจายได้เร็วตั้งแต่ระยะแรก เพราะฉะนั้นจึงมีโอกาสเสียชีวิตสูง
     มะเร็งปอดระยะแรกจะไม่มีอาการเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ก่อนค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละนิด ๆ จนเริ่มเกิดอาการ เช่น ไอ เจ็บหน้าอก ซึ่งบ่งบอกได้ว่าอาจจะเริ่มมีการลามไปแล้ว อาการไออาจจะเริ่มตั้งแต่เป็นระยะกลาง ๆ สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ส่วนใหญ่มักจะไอและมีเสมหะทุกวัน ดังนั้นจึรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจริง ๆ แล้วอาการไอมีความสำคัญตั้งแต่แรก ๆ ถ้าไอมากขึ้นและนานเกิน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะไอออกมาพร้อมกับมีเลือดปนจะมีความเสี่ยงสูงมากต่อการเกิดมะเร็ง
     สำหรับคุณจินตนาซึ่งมีอาการไอแห้งในระยะแรก เกิดจากเซลล์มะเร็งได้ลุกลามไปส่วนหนึ่งทำให้ปอดเสียหาย ร่างกายจึงเกิดการต่อต้านและเริ่มแสดงอาการจนเกิดผลกระทบต่อหลอดลมใหญ่ซึ่ง เป็นอวัยวะที่อยู่ติดกันจึงทำให้เกิดอาการไอแห้ง ๆ
     หากเปรียบเทียบประชากรในชนบทและตัวเมืองของประเทศญี่ปุ่น จะพบว่า ในชนบท ประชากร 1 แสนคน มีผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดประมาณ 12 คน แต่ในเมืองจะมีผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดถึง 300 คน หรือมากกว่าถึง 25 เท่า สำหรับคนกรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย พบว่ามีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง คือจากควันพิษจากรถเมล์สาธารณะ รถจักรยานยนต์ การใช้ชีวิตบนท้องถนนมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวันรวมไปถึงคนที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรม โรงงานต่าง ๆ อยู่ใกล้แหล่งถนนที่มีการจราจรติดขัด

     วิธีการรักษาโรคมะเร็งปอด
     หากตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรก การผ่าตัดมีโอกาสหายได้ หรือไม่ก็ช่วยให้มีอัตราการรอดชีวิตยืนยาวขึ้น
     การรักษาร่วมหลังการผ่าตัดด้วยรังสีรักษาและเคมีบำบัด ใช้ในรายที่มะเร็งมีระยะสูงขึ้น ทำให้อัตรารอดชีวิตยาวขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับคุกณภาพชีวิตที่สูญเสียไปบางส่วนจากผลข้างเคียงของการรักษา

     รู้ไว้ ไกลโรคมะเร็งปอด
     1. เลิกสูบบุหรี่ หรือไม่อยู่ใกล้ผู้สูบบุหรี่
     2. พยายามหลีกเลี่ยงการสูดควันที่มีแร่ใยหิน หรืออยู่บนท้องถนนวันละหลายชั่วโมง
     3. ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพราะการตรวจเจอมะเร็งระยะแรกส่วนใหญ่จะพบได้จากการตรวจสุขภาพและทำเอกซเรย์ปอด

     แพทย์ผู้ให้ข้อมูล : นพ.วีระเดช  สุวรรณลักษณ์   แพทย์หัวหน้าศูนย์ระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลพญาไท 1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา