Clock


วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มะเร็งตับอ่อน วิธีรักษาและลักษณะของโรคมะเร็งตับอ่อน

เกรียงไกร อายุ 52 ปี ลาออกจากบริษัทเพราะอยากมีกิจการร้านอาหารของตัวเอง จึงไปลงเรียนทำอาหาร วันหนึ่ง
เกรียงไกรพาครอบครัวออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และถือโอกาสสำรวจรสชาติอาหารตามร้านต่าง ๆ ไปด้วย หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เขาเกิดอาการปวดท้อง แต่คิดว่าไม่เป็นไรเพราะอาจเกิดจากการรับประทานอาหารมากเกินไป หลายวันผ่านไปก็ยังมีอาการปวดท้องอยู่ แต่คราวนี้มีอาการแน่นร่วมด้วย เขาจึงรีบไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาลาล และก็พบว่าทุกอย่างปกติดี ไม่พบเนื้องอกและมะเร็งใด ๆ แต่พบว่ามีคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากเป็นคนชอบรับประทานอาหารไขมันสูงและดื่มเหล้าหลังอาหารทุกวัน
   หลังจากไปพบหมอ เกรียงไกรได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองใหม่ โดยวิ่งและออกกำลังกายทุกเช้า และเลิกบุหรี่ที่สูบมานานเกือบ 30 ปี จู่ ๆ ก็เกิดอาการปวดหลังขึ้นมาอีก แต่คิดไปว่าเป็นเพราะเริ่มออกกำลังกายกะทันหันเกินไป เขาจึงให้ภรรยานวดหลัง อาการก็ดีขึ้น แล้ว 2 สัปดาห์ต่อมา อาการปวดท้องและแน่นท้องก็หายไป เขาเข้าใจว่า ร่างกายเริ่มแข็งแรงเป็นปกติแล้ว โดยไม่รู้ว่าโรคร้ายกำลังมาเยือน จวบจนครึ่งปี ด้วยความมานะพยายามทำให้เขาสามารถเปิดร้านอาหารได้สำเร็จและกำลังจะเปิดตัว ในวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าคืนก่อนเปิดร้าน กลางดึกเขาออกมาปัสสาวะและพบว่าสีปัสสาวะกลายเป็นสีช็อกโกแลต และหน้าเขาซีดเหลืองเห็นได้ชัด เกิดอะไรขึ้นกับเกรียงไกร?

 กลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็งตับอ่อน
   มักเกิดกับคนที่มีอายุระหว่าง 60-70 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และสามารถเกิดได้กับคนที่คิดว่าตัวเองแข็งแรง ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เนื่องจากโรคชนิดนี้เกิดจากการสะสมของสารพิษ และมลภาวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ทำให้ตับอ่อนอักเสบ

 อาการที่พึงระวัง
   คนที่มีอาการปวดท้องบ่อย ๆ แต่ไม่รุนแรง และอยู่ ๆ อาการปวดท้องก็หายไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรืออยู่ ๆ ก็มีอาการปวดหลังกะทันหัน คนที่มีอาการดังกล่าวควรพึงระวัง เพราะนั่นเป็นอาการที่บ่งบอกเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับอ่อน

 ลักษณะของโรคมะเร็งตับอ่อน
   ตับอ่อนเป็นอวัยวะอยู่หลังกระเพาะมีหน้าที่สร้างน้ำย่อย น้ำดี ตับอ่อนมีท่อต่อกับท่อรวมน้ำดีซึ่งไปเปิดที่ปลายกระเพาะอาหารต่อกับลำไส้ เล็กส่วนต้น มีหน้าที่สร้างน้ำย่อยเพื่อใช้ในการย่อยและดูดซึมโปรตีนกับไขมัน
   มะเร็งตับอ่อนเกิดจากมีเนื้อมะเร็งขึ้นที่ตับอ่อน ซึ่งอยู่ด้านหลังของช่องท้องเป็นเนื้อมะเร็งที่ตรวจค้นหาได้ยากที่สุดชนิด หนึ่ง ไม่ทราบสาเหตุ ที่แน่ชัด แต่เกิดจากการสูบบุหรี่และดื่มจัดเป็นระยะเวลานาน มักพบในผู้ชายช่วงอายุ 50-70 ปี ที่ชอบรับประทานอาหารไขมันสูง
     ลักษณะอาการของมะเร็งตับอ่อนเกิดขึ้นเมื่อตับอ่อนทำงานหนัก มีอาการหลั่งน้ำย่อยและฮอร์โมนออกมา ขณะที่น้ำย่อยไหลออกมามาก มะเร็งจะก่อตัวขึ้นที่บริเวณท่อตับอ่อน หรือ Pancreatic duct มีอาการปวดท้องหรือแน่นท้องและปวดจากเซลล์มะเร็งที่โตขึ้น การไหลของน้ำย่อยถูกอุดกั้นไว้ในตับอ่อนทำให้ตับอ่อนบวม แต่อาการเจ็บปวดที่ไม่ได้รุนแรง ผู้ป่วยจึงไม่รู้ตัว และอาจตรวจไม่พบเซลล์มะเร็งในตับอ่อนเพราะตับอ่อนถูกห้อมล้อมไปด้วยอวัยวะ อื่นๆ เช่น กระเพาะอาหารเป็นต้น ดังนั้น การตรวจร่างกายทั่วไปจึงไม่เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น จนเมื่อมีอาการถ่ายปัสสาวะเหมือนช็อกโกแลตและหน้ามีสีเหลือง เนื่องจากเซลล์มะเร็งเจริญเติบโต จนไปปิดกั้นทางเดินน้ำดีที่ไหลผ่านตับอ่อน ทำให้น้ำดีไหลย้อนกลับออกไปนอกท่อและเข้าสู่กระแสเลือดไปทั่วร่างกายอย่าง รวดเร็ว มะเร็งตับอ่อนถือว่าเป็นโรคที่พัฒนาไปอย่างช้า ๆ กว่าจะพบว่าเป็นโรคก็สายไปเสียแล้ว อาการของคนที่เป็นโรคมะเร็งตับอ่อน เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่างกายซูบผอม เบื่ออาหาร ปวดท้องบ่อยๆ กินยาก็ไม่หาย ซึ่งอาจจะไม่ใช่อาการของมะเร็งตับอ่อน แต่อาจเป็นโรคอื่น เช่น กระเพาะอาหารมะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งหมอจะเป็นผู้วิเคราะห์โรคเอง แม้ว่ามะเร็งตับอ่อนจะเป็นโรคร้ายแรงและอันตราย แต่ถ้าเรารู้ตัวก่อนก็จะสามารถป้องกันและรักษาได้อย่างทันท่วงที


     ***มะเร็งก่อตัวที่บริเวณท่อ Pancreatic duct ซึ่งเกิดจากการหลั่งน้ำย่อยและฮอร์โมนออกมามาก ๆ เพื่อย่อยไขมัน***
     ***มะเร็งเจริญขึ้นจนไปอุดตันการไหลของน้ำย่อย ตับอ่อนจะบวมขึ้น ทำให้มีอาการปวดท้องและปวดหลัง***
     ***ถุงน้ำดีโตเพราะเซลล์มะเร็งไปปิดกั้นทางเดินของน้ำดีที่ไหลผ่านตับอ่อน***

 วิธีการรักษาโรคมะเร็งตับอ่อน
   หากตรวจพบ หมอจะประเมินว่าอยู่ในวิสัยที่สามารถตัดออกได้หรือไม่ ซึ่งการผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด แม้มะเร็งตับอ่อนจะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งเต้านม แต่ก็เป็นมะเร็งที่มีฤทธิ์ร้ายแรงมาก หากวินิจฉัยช้า โอกาสในการผ่าตัดรักษาก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น

 รู้ไว้ ไกลโรค
   ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับอ่อนหรือมะเร็งชนิดใด ๆ ก็ตาม ล้วนเป็นโรคร้ายแรง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการป้องกัน โดยไม่นำสารพิษ เช่น เหล้า บุหรี่ เข้าสู่ร่างกาย หลีกเลี่ยงยาฆ่าแมลง รับประทานผัก ผลไม้ และอาหารที่อุดมด้วยวิตามินให้ครบส่วนและเมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรคจะต้อง ปฏิบัติตัวตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด และคนในครอบครัวควรให้การดูแลและเป็นกำลังใจสำคัญ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยสามารถต่อสู้กับโรคร้ายต่อไปได้

   แพทย์ผู้ให้ข้อมูล : ผศ.นพ.ธัญเดช นิมมานวุฒิพงษ์ แพทย์หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรม เทคโนโลยีชั้นสูง (ASIT) โรงพยาบาลพญาไท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา