เรื่องเล่าเกี่ยวกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ถึงแม้จะมีอายุเพียง 38 ปี
แต่หนุ่มไฟแรงอย่างกำธรก็ต้องแบกรับภาระหน้าที่อันสำคัญของบริษัท
เพราะเขาเป็นหนึ่งเดียวที่ทุกคนฝากความหวังไว้ว่าจะนำพาชื่อเสียงและความ
สำเร็จมา
เช้าวันเริ่มต้นของสัปดาห์ ขณะตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้น จู่ๆ
เขารู้สึกอ่อนล้าอย่างที่ไม่เคยเป็น
เมื่อกลับถึงบ้านก็พบว่าตัวเองมีไข้อ่อน ๆ จึงรีบเข้านอน
แต่เมื่อตื่นขึ้นในช่วงวันใหม่ไข้อ่อน ๆ นั้นก็ยังไม่ยอมลด
ด้วยความกังวลในงาน เขาจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงานเช่นเคย
และในคืนที่ 3 ก่อนเข้านอน เขาแปรงฟันและพบเลือดออกตามไรฟัน
แล้ววันสุดท้ายของสัปดาห์ก็มาถึงพร้อมๆ กับการนัดหมายประชุมสรุปงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในวันหยุดเขาจึงนอน
พักผ่อนเป็นการเพิ่มพลังให้ตัวเอง
วันนั้นเขาพบรอยช้ำที่หลังมือโดยไม่ทราบสาเหตุ และเช้าวันรุ่งขึ้น
รอยช้ำนั้นก็ขยายใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าตัว
นับจากวันที่มีไข้อ่อนๆ จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 7 วันพอดี
สิ่งที่เขาพบในเช้าวันนั้นคือรอยช้ำที่มือขยายใหญ่ขึ้นอย่างมากและลามไปที่
แขนอย่างน่าตื่นตระหนก เกิดอะไรขึ้นกับแขนของเขา
กลุ่มเสี่ยง
มะเร็งเม็ดเลือดขาว มี 2
ชนิดคือ ชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันมี
สาเหตุการเกิดไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าเกิดจากภาวะผิดปกติของพันธุกรรม
บางอย่าง
ทำให้เซลล์ต้นกำเนิดกลายพันธุ์นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคทางพันธุกรรมบางอย่าง
ก็ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันได้มากขึ้น รวมถึงการได้
รับสารเคมีบางอย่าง
อาการที่พึงระวัง
อาการไข้อ่อนๆ เลือดออกตามไรฟันเกิดรอยช้ำโดยไม่ทราบสาเหตุ
สัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคนี้คือรอยฟกช้ำที่ขยายใหญ่ขึ้น
ซื่งเกิดจากการที่มีเลือดออกไม่หยุดภายในร่างกาย
รอยจ้ำที่เกิดขึ้นสามารถเป็นได้ทุกส่วนในร่างกาย
สำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือน หากเป็นโรคนี้ ประจำเดือนอาจจะออกมากเพราะเกล็ดเลือดต่ำ
ลักษณะของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
โรคลูคีเมียชนิดเฉียบพลัน หรือมะเร็งเม็ดเลือดชนิดเฉียบพลัน (Acute
Leukemia) เกิดจากการที่ปริมาณเม็ดเลือดแดง
เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดปกติมีจำนวนน้อยลง เนื่องจากเซลล์มะเร็งเพิ่ม
จำนวนมากและรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ
ตามมาในกรณีที่ร้ายแรงมากๆอาจทำให้หลอดเลือดในสมองแตก หรือมีเลือดออกในปอด
ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือด 3 ชนิดที่สำคัญ ได้แก่
เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด หน้าที่ปกติของเม็ดเลือดแดงคือ
ช่วยในการนำพาออกซิเจนไปสู่เนื้อเยื่อต่างๆทั่วร่างกาย จากปอดไปสู่เนื้อ
เยื่อต่าง ๆ ทำให้เราสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้ เมื่อเลือดไปเลี้ยงสมอง
ทำให้เราคิดอะไรต่างๆได้
เลือดไปเลี้ยงหัวใจทำให้หัวใจทำงานได้ยามเมื่อเราออกกำลังกาย
และเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย
เกล็ดเลือดมีหน้าที่ในการช่วยห้ามเลือด
สังเกตว่าถ้ามีบาดแผลเล็กๆ เพียงไม่กี่นาทีเลือดก็จะหยุดไหล
หรือเอาพลาสเตอร์แปะก็หยุด แล้วแต่
บางคนมีบาดแผลแล้วเลือดไหลไม่หยุดเป็นเวลานาน
เป็นสัญญาณว่าร่างกายอาจมีปัญหาเรื่องเกล็ดเลือดต่ำ
และอาจทำให้เกิดจ้ำเลือดโดยไม่ทราบสาเหตุ
หรือเลือดซึมออกตามไรฟันโดยไม่มีการแปรงฟัน
ส่วนเม็ดเลือดขาวถูกสร้างมาจากไขกระดูกเช่นเดียวกับเม็ดเลือดแดง
ทำหน้าที่หลักเกี่ยวกับการทำลายเชื้อโรคแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย
เมื่อใดที่เม็ดเลือดขาวมีจำนวนน้อยลง ร่างกายก็จะมีการติดเชื้อง่าย
ทำให้มีภูมิต้านทานน้อยมีไข้อ่อน ๆ และอ่อนเพลีย
โดยทั่วไปร่างกายจะต้องมีปริมาณเม็ดเลือดขาวอยู่ที่ 4,000-10,000
แต่คนที่เป็นโรคนี้ ค่าของเม็ดเลือดขาวอาจจะอยู่ที่ 100,000 - 200,000
หากมีเม็ดเลือดขาวจำนวนมากจะทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนทำให้อันตรายจนถึงขั้น
เสียชีวิตได้
***เม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติได้สลายเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่กระแสเลือด***
***รอยฟกช้ำที่ขยายใหญ่ขึ้นจากเลือดที่ไหลไม่หยุดในร่างกาย***
วิธีการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
เข้ารับการเจาะตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) เพื่อหาสภาวะเสี่ยง การตรวจ CBC จะช่วยบอกความผิดปกติของเลือด 3
อย่างด้วยกัน ได้แก่ เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด
กรณีของกำธรเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิดที่พบได้ไม่บ่อย (ชนิด Acute Promyclocytic Leukemia)
แต่เป็นชนิดที่มีผลการรักษาดีมากในปัจจุบัน คือ ต้องลดปริมาณของตัวมะเร็งให้ได้มากที่สุดด้วยการให้ยารับประทาน ซึ่ง
เป็นสารที่ช่วยในการกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติกลับมา
เป็นเซลล์ที่ปกติได้ แต่ต้องให้ควบคู่กับยาเคมีบำบัด
ทำให้คนไข้มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันมีโอกาสหายขาดได้
นอกจากนี้ การที่กำธรรีบไปพบแพทย์ จะทำให้รักษาได้ทันการภายในเวลาครึ่งปี
รู้ไว้ ไกลโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ลักษณะสำคัญของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน คือ
ความเร็วในการพัฒนาของโรค
เมื่อใดที่เกิดโรคนี้ขึ้นแล้วจะสามารถพัฒนาภายใน 1 เดือน
ดังนั้นเมื่อเป็นแล้วสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ
1. เลือดออกง่าย ต้องไม่ให้มีบาดแผล ทำอะไรต้องระวังอย่าไปชนกรือกระแทกกับอะไร
2. ติดเชื้อง่าย ต้องดูแลเรื่องของสภาพแวดล้อม
พยายามอย่าเดินเท้าเปล่าเพราะหากโดนสะเก็ดหินหรืออะไรตำ
ถึงแม้จะมีขนาดเล็กน้อย
แต่ทำให้เป็นช่องทางเปิดรับเชื้อโรคและอาจทำให้เลือดไหลไม่หยุด
ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล
และอาจต้องให้ยาปฏิชีวนะและขอรับเกล็ดเลือดหากเกล็ดเลือดต่ำมาก
แพทย์ผู้ให้ข้อมูล : นพ.ต้นตนัย นำเบญจพล อายุรแพทย์ที่ปรึกษาด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลพญาไท 2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น