มาลี
เจ้าของร้านขายของแห่งหนึ่ง
เธอมีกิจวัตรประจำวันที่โปรดปรานคือการพูดคุยกับเพื่อนบ้านเละรับประทานขนม
ของโปรดอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่ง
ในขณะที่เธอกำลังนั่งพูดคุยกับเพื่อนบ้านอยู่นั้น
เธอเริ่มรู้สึกว่ามีน้ำมูกสีเขียวข้นไหลออกมาจากจมูกข้างขวาเพียงข้าเดียว
แต่มาลีก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่
โดยหารู้ไม่ว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นเป็นสัญญาณเตือนแรกของโรคร้าย
3 วันต่อมา ได้เกิดอาการผิดปกติขึ้นกับเธออีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองอาการไม่ค่อยดีเธอก็ไม่มีอารมณ์ดูแลร้านเหมือน
แต่ก่อน จึงไม่ค่อยได้ทำความสะอาดร้านอย่างที่เคย แต่สิ่งที่ทำเป็นประจำ
เช่น การรับประทานขนมปัง เธอยังคงปฏิบัติเป็นปกติ ดังนั้น
เมื่อลูกค้าออกจากร้านไป เธอก็หยิบขนมที่เธอโปรดปรานขึ้นมาทานเหมือนทุกวัน
แต่ทันใดนั้นเธอรู้สึกเจ็บแก้มด้านขวาขึ้นมาอย่างกะทันหัน
และเมื่อลองส่องดูในกระจกก็ไม่พบร่องรอยที่ผิดปกติใด ๆ
เธอจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรอีกและปล่อยเอาไว้เช่นนั้น
เพียงไม่นาน เธอเริ่มรู้สึกมีอาการเจ็บที่ตาข้างขวา ลักษณะเหมือนมีอะไรอยู่ข้างในตา
เมื่อสังเกตูตาและบริเวณรอบ ๆ ก็ไม่มีอาการบวมแต่อย่างใด
เธอจึงใช้ยาหยอดตาที่มีอยู่หยอดเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
โดยยังไม่ทันคิดที่จะไปโรงพยาบาล ระยะเวลา 2 วันหลังจากอาการเจ็บที่ตา
เช้าวันหนึ่งอาการร้ายแรงที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ตาของเธอเกิดอาการบวมแดงอย่างรุนแรง เปลือกตาของเธอไม่สามารถเปิดขึ้นได้
ที่สุด...ความโชคร้ายมาเยือน เมื่อตาข้างขวาของเธอต้องสูญเสียการมองเห็น
ทำไมเธอจึงต้องประสบกับความโชคร้ายที่รุนแรงขนาดนี้
ต้นเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดคืออะไร
หรืเพียงเพราะอาการหวัดคัดจมูกที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนแรก...กว่าจะรู้ตัวก็
สายไปเสียแล้ว
กลุ่มเสี่ยง
ว่าไปแล้วเกือบทุกคนคงได้รับเชื้อรานี้ แต่มีใครเสี่ยงบ้างที่เป็นโรคนี้
ทุกคนที่ได้รับเชื้อราจะแสดงออกไม่เหมือนกัน
ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน (สามารถก่อโรคได้หลายรูปแบบ
ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานในแต่ละคน)
อาการที่พึงระวัง
การเฝ้าระวังโรคสามารถทำได้ 2 ส่วน คือ เฝ้าระวังเชื้อในที่ทำงาน
บ้าน หรือที่อยู่อาศัย หากพบเห็นต้องกำจัดทันที
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
เฝ้าระวังสุขภาพร่างกายของตนเอง ต้องสังเกตว่าตนเองมีน้ำมูกหรือไม่
และน้ำมูกที่ไหลออกมานั้นมาจากจมูกข้างเดียวบ้างหรือไม่
ซึ่งอาการที่เกิดจากการรับเชื้อจะเริ่มจากอาการคัดจมูก
และอาการปวดบริเวณแก้ม
จนถึงอาการร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อราเข้าไปสะสมอยู่ในโพรงจมูก
***เชื้อราเข้าไปในจมูกด้านขวา เข้าไปสะสมในโพรงจมูกเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ***
***แสดงอาการเจริญเติบโตของเชื้อรา***
ลักษณะของโรค
ไซนัส คือ โพรงอากาศที่อยู่รอบ ๆ จมูก ปกติมีอยู่ 4 คู่ คือ
ไซนัสที่บริเวณหน้าผาก หัวตา ข้างแก้ม และฐานกะโหลก
ไซนัสเป็นทุกอันที่มีรูติดต่อกับจมูก
โดยมีหน้าที่ทำให้กะโหลกเราเบาพูดแล้วมีเสียงก้องอยู่ในจมูก
สร้างเยื่อเมือกเพื่อขับออกทางจมูก
ช่วยผลักดันฝุ่นละอองหรือเชื้อโรคให้ไหลลงไปในคอเพื่อเป็นเสมหะ
ทำความอบอุ่นให้กับอากาศที่ไหลเข้าไปในจมูก
ไซนัสอักเสบต่างจากหวัด อย่างไร
ไข้หวัดส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจจะมีไข้
น้ำมูกไหล ปวดหัว เจ็บคอ หรือไอร่วมด้วย มักเป็นแล้วหายภายใน 7
วันส่วนไซนัสอักเสบมักเริ่มต้นจากการเป็นหวัดก่อน
แต่จะคิดถึงไซนัสอักเสบก็ต่อเมื่อ
-เป็นหวัดมานาน 7-10 วัน แล้วอาการไม่ดีขึ้น คัดจมูกมากขึ้น มีเสมหะไหลลงคอ จมูกไม่ได้กลิ่น และ/หรือ
-ปวดแก้ม ปวดหน้าผาก ปวดหัว และ/หรือ
-ไอมากขึ้น
นอกจากนี้ อาการไซนัสอักเสบเกิดจากสาเหตุอื่นได้ เช่น ฟันกรามแถวบนอักเสบ สิ่งแปลกปลอมอุดในจมูก เนื้องอกในจมูก
อาการคัดจมูก มีผลข้างเคียงเป็นโรคอะไรได้บ้าง
-ไซนัสอักเสบจากฟันบนด้านนั้นผุ
-ริดสีดวงจมูก
-สิ่งแปลกปลอมในจมูก
-เชื้อรา
-เนื้องอกหรือมะเร็ง
-ดั้งจมูกคด
อาการพึงระวัง
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นเชื้อราในโพรงไซนัส จะจึกถึงไซนัสอักเสบจากเชื้อราเมื่อใด
-อาการเป็นข้างเดียว น้ำมูกมีกลิ่น เหม็น มีก้อนดำ ๆ เขียว ๆ
หลุดออกมาปนกับน้ำมูก บางทีมีน้ำมูกปนเลือด
และ/หรือรักษาด้วยการกินยาเต็มที่แล้วไม่ดีขึ้นและ/หรือคนไข้มีไซนัสอักเสบ
เรื้อรัง และมีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น เบาหวาน หรือฉายแสงอยู่
หรือได้เคมีบำบัดรักษาโรคอื่นอยู่ หรือได้ยาลดภูมิคุ้มกัน
(เช่นในคนไข้เปลี่ยนถ่ายไขกระดูก)
-ไซนัสอักเสบเรื้อรัง และอยู่ในที่อับชื้นเป็นประจำ
เชื้อรามาจากไหน
เชื้อรา Aspercillus พบได้ทุกแห่ง เช่น
-ในดิน ในน้ำ ในอากาศ
-สารอินทรีย์ที่กำลังย่อยสลาย เช่น ขนมปังเก่า ๆ
-ที่ชื้นแฉะ กระถางต้นไม้
***เมื่อมีการแพร่กระจายของเชื้อราที่บริเวณโพรงจมูกขึ้น
เชื้อราเจริญเติบโตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
ทำให้มีผลกระทบไปจนถึงบริเวณประสาทตาได้***
รู้ไว้ ไกลโรค
เราสามารถป้องกันโรคนี้ได้โดย
1. รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
2. กำจัดสิ่งแวดล้อมไม่ให้เป็นที่สะสมของเชื้อรา เช่น กำจัดที่อับชื้น น้ำขัง
3. ตรวจร่างกายเป็นประจำ เพื่องป้องกันปัจจัยเสี่ยง เช่น เบาหวาน
4. เป็นหวัดควรรีบรักษา อย่าปล่อยเรื้อรัง
แพทย์ผู้ให้ข้อมูล:นพ.ทวีชัย พิตรปรีชา แพทย์ประจำคลินิกหู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น