|
1.
ชั่งตัวอย่างเกลือ 10 กรัม ใส่ในขวดรูปชมพู่ ขนาด 250 ml |
2.
ละลายตัวอย่างเกลือด้วยน้ำกลั่น 50 ml |
3.
เติมสารละลายกรดซัลฟุริกความเข้มข้น 2 N จำนวน 1 ml |
4.
เติม 10% KI จำนวน 5 ml ถ้ามีไอโอดีน สารละลายจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง |
|
5.
ปิดปากขวดและนำไปเก็บในที่มืด10 นาที |
|
6.
เตรียมบิวเรต โดยเติม 0.005 M โซเดียมไธโอซัลเฟตลงในบิวเรต |
|
7.
เอาขวดออกจากที่มืด นำมาไตเตรทกับ 0.005 M โซเดียมไธโอซัลเฟต จนกระทั่งสารละลายมีสีเหลืองอ่อน |
|
8.
เติมสารละลายแป้ง จำนวน 2 ml (สารละลายจะมีสีน้ำเงินเข้ม) แล้วไตเตรทต่อไปจนกระทั่งสารละลายเปลี่ยนเป็นสีชมพู
และจางหายไปในที่สุด |
|
9.
บันทึกปริมาตรของไธโอซัลเฟตที่ใช้ไปในการไตเตรท แล้วนำไปคำนวณหาปริมาณไอโอดีน
|
ชุดตรวจสอบภาคสนามชนิดขวดเดี่ยว
สำหรับวัดปริมาณไอโอดีนในเกลือ (I-KIT)
เชื่อถือได้
สะดวก คงทน ราคาถูก
|
เพื่อเสริมมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่ว่า
เกลือเสริมไอโอดีนทั่วประเทศต้องได้มาตรฐาน คือมีไอโอดีน 30-50 ppm ชุด I-KIT
เป็นชุดตรวจสอบชุดแรกของโลกที่สามารถบอกปริมาณไอโอดีนในเกลือได้ละเอียดถึงระดับ
0-100 ppm ได้อย่างสม่ำเสมอและแม่นยำทุกครั้งตลอดอายุการใช้งาน 2 ปี ชุดตรวจสอบนี้เป็นน้ำยาขวดเดียว
และมีอุปกรณ์ประกอบคือ แถบสีเปรียบเทียบเพื่อการอ่านปริมาณไอโอดีน แผ่นพลาสติกสำหรับผสมเกลือกับน้ำยา
และช้อนที่ตวงเกลือตามปริมาณที่กำหนด |
|
I-KIT
: สะดวก ใช้ง่าย ใช้ได้ทันทีในทุกสถานที่ |
การใช้ชุดตรวจสอบทำได้ง่าย
มีขั้นตอนดังนี้ |
|
1.
ตักเกลือ 1 ช้อน เทลงบนแผ่นพลาสติก
2.
เทน้ำยา 3 หยดลงบนเกลือ
3.
คนให้เป็นวงเท่าฝาจุก
4.
เทียบสีกับแถบสีบนกล่อง
|
|
ได้มีการใช้ชุดทดสอบ
I-KIT ทดสอบเกลือที่มีไอโอดีน 15 และ 35 ppm เทียบกับชุดทดสอบที่ซื้อจากต่างประเทศ
ผลการทดลองเป็นดังรูป คือ ชุดทดสอบจากต่างประเทศไม่สามารถบอกความแตกต่างได้
|
|
จากการทดสอบในภาคสนามอย่างมากมายหลายจังหวัด
โดยเฉพาะบุคลากรจากโรงงานเกลือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและบุคคลทั่วไปในทุกระดับการศึกษา
ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามพบว่า ชุดตรวจ I-KIT มีคุณสมบัติเป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้เป็นส่วนใหญ่
95% ของผู้ใช้ตอบว่าการอ่านและทำตามวิธีใช้ง่ายมาก มากกว่า 90% ตอบว่าชุดตรวจสอบมีความเหมาะสมที่จะใช้ในทุกสถานที่
และสามารถอ่านค่าได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง |
|
ข้อมูล
ที่สำคัญจากการวิจัยอีกชิ้นหนึ่งคือ
จากการสำรวจเกลือในท้องตลาดหลังจากที่มีการใช้ I-KIT พบว่า
เมื่อวิเคราะห์ปริมาณไอโอดีนในเกลือ
28 ยี่ห้อ พบว่า 70% ได้ตามมาตรฐานหรือเข้าใกล้มาตรฐานมากขึ้น
(เทียบกับ 40%
ก่อนใช้ I-KIT) ซึ่งผลจากการวิจัยชุดนี้แสดงให้เห็นว่าชุดทดสอบ I-KIT
มีส่วนช่วยให้เกลือหลายยี่ห้อมีปริมาณไอโอดีนตามมาตรฐานเพิ่มขึ้น
และเป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคุมและประกันคุณภาพเกลือเสริมไอโอดีนได้เป็น
อย่างดี |
|
|
I-KIT
: มีความคงตัวของสี ทำให้สามารถวัดตัวอย่างจำนวนมากได้พร้อมกัน |
|
I-KIT
สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเกลือได้ผสมกับไอโอดีนอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ และบอกว่าเกลือเสริมไอโอดีนนั้น
มีไอโอดีนตามมาตรฐานหรือไม่
เมื่อหยดน้ำยาบนเกลือที่มีไอโอเดทจะเกิดเป็นสีน้ำเงิน
ซึ่งความเข้มของสีจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณไอโอเดทที่เพิ่มขึ้นจาก 0-100 พีพีเอม
(ส่วนในล้านส่วน) และสีที่เกิดขึ้นนี้จะมีความคงทนไม่ต่ำกว่าชั่วโมง ไม่จางหายไป
ทำให้ใช้วัดปริมาณไอโอเดท โดยเทียบกับสีจากแผ่นสีมาตรฐาน ที่มากับชุดทดสอบได้อย่างแม่นยำ |
|
I-KIT
: ถูกต้อง แม่นยำ วัดได้ถูกต้อง 0-100 ppm, correlation coefficient = 0.9
ตลอดอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 2 ปี |
ชุดตรวจสอบนี้ได้ผ่านการประเมินความแม่นยำ
โดยเทียบกับค่าแท้จริงที่ได้จากวิธีมาตรฐานทางห้องปฏิบัติการ คือวิธี titration
พบว่าค่า ppm ไอโอดีนที่ได้จาก I-KIT และวิธี titration มีค่า correlation
coefficient 0.9 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า I-KIT มีความแม่นยำสูง และโดยการประเมินจากค่า
95% limit ระหว่าง I-KIT และtitration พบว่ามี range ต่ำ ซึ่งแสดงว่า I-KIT
มีความแม่นยำเช่นกัน |
|
สำหรับในการผลิตจำนวนมากในหลายรุ่นของการผลิต
(lot) ได้ประเมินความแม่นยำและความถูกต้องระหว่างน้ำยาแต่ละ lot ใน 10 lot
โดยที่แต่ละ lot เตรียมน้ำยา 100 ชุด เมื่อสุ่มตัวอย่างมาทดสอบ พบว่าน้ำยาทั้ง
10 lot ให้ค่าความแม่นยำในการทดสอบเหมือนกัน (วิเคราะห์จากค่า mean + - SD,
coefficient of variation และ range ของค่าที่อ่านได้) |
ผู้ผลิต
- ได้แก่ บุคลากรจากโรงงาน/แหล่งผลิตเกลือเสริมไอโอดีน สามารถใช้ I-KIT ควบคุมคุณภาพเกลือก่อนบรรจุ
โดยสุ่มตัวอย่างเกลือที่ผสมกับไอโอดีนตามจุดต่าง ๆ ของเกลือที่ออกจากเครื่องผสม
และวัดปริมาณไอโอดีนโดยใช้น้ำยาจากชุดทดสอบหยดลงบนเกลือ ดูสีที่เกิดขึ้นเทียบกับแถบสีข้างกล่อง
จะทราบได้ทันทีว่าเกลือนั้นมีไอโอดีนตามมาตรฐานหรือไม่ และเกลือที่ออกจากเครื่องผสมนั้นได้ผสมอย่างสม่ำเสมอหรือไม่
|
|
ผู้ควบคุมคุณภาพ
- ได้แก่ บุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบก็จะมีเครื่องมือตรวจสอบเกลือในท้องตลาด
ว่าแต่ละยี่ห้อได้มาตรฐานตามที่กำหนดหรือไม่ |
ผู้บริโภคปลายทาง
- ได้แก่ อาสาสมัครหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครูโรงเรียน
นักเรียน ผู้นำชุมชน
และประชาชนทั่วไป สามารถใช้ I-KIT ตรวจสอบคุณภาพเกลือที่ซื้อมาบริโภค
ความตื่นตัวในการเลือกใช้เฉพาะเกลือเสริมไอโอดีนที่ได้มาตรฐานเพื่อปกป้อง
สิทธิของผู้บริโภค
จะผลักดันให้เกิดกลไกทางการตลาดในการควบคุมผู้ผลิตเกลือให้ปรับปรุงคุณภาพ
สินค้าของตนให้ได้มาตรฐาน |
|
น้ำยาสำเร็จรูป
สำหรับวัดปริมาณไอโอดีนในเกลือ (I-Reagent)
ใช้ได้ทั้งในห้องปฏิบัติการและภาคสนาม
|
I-Reagent
เป็นน้ำยาสำเร็จรูปขวดเดียว สำหรับใช้วัดปริมาณไอโอเดทในเกลือในขั้นตอนเดียว
สามารถใช้ได้ทั้งในห้อง lab และภาคสนาม ทำให้ควบคุมคุณภาพของเกลือได้สะดวก
และกว้างขวางขึ้น ทั้งจากฝ่ายสาธารณสุขจังหวัดเองและจากโรงเรียนในท้องถิ่น
|
หลักการที่ใช้วัดปริมาณไอโอดีนในเกลือ
ซึ่งไอโอดีนที่ใช้เสริมในเกลืออยู่ในรูปของไอโอเดท ในวิธีการนี้จะใช้น้ำยาสำเร็จรูปผสมกับเกลือเพียงขั้นตอนเดียว
ถ้าเกลือมีไอโอดีนก็จะมีสีน้ำเงิน |
|
|
การที่เกิดสี
เพราะโมเลกุลของไอโอดีน จะสอดแทรกเข้าไปในเกลียวของสารละลายแป้ง เกิดเป็นสารเชิงซ้อนที่มีสี
จากสีน้ำเงินไปจนเป็นสีม่วงและสีน้ำตาลตามสัดส่วนของสาร และรูปทรงของแป้ง
|
สีที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างไอโอเดทในเกลือกับน้ำยา
ได้สารละลายสีน้ำเงินที่มีความเข้มของสีเป็นสัดส่วนโดยตรงกับปริมาณไอโอเดทในช่วง
0-100 พีพีเอมไอโอดีน ซึ่งความเข้มของสีน้ำเงินจะวัดได้โดยใช้ spectrophotometer
หรือ colorimeter ที่ความยาวคลื่น 500 นาโนเมตร |
|
การใช้งานง่าย
สะดวก รวดเร็ว |
น้ำยาสำเร็จรูป
I-Reagent นี้ เป็นน้ำยาที่มีองค์ประกอบที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และวิธีใช้งานง่ายมาก
กล่าวคือ ในวิธีการวัดมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ |
1.
ชั่งตัวอย่างเกลือ 0.1 กรัม ใส่หลอดทดลอง
|
2.
เติมน้ำกลั่น 0.5 ml แล้วเขย่าให้เกลือละลาย
|
3.
ใส่ I-Reagent จำนวน 3 ml เขย่าให้เข้ากัน
|
4.
วัดสีโดยใช้เครื่องมือวัดสี (visible spectrophotometer หรือ colorimeter
อย่างง่าย ๆ) ที่เวลาเท่าใดก็ได้หลังจากเวลา 5 นาที (ถ้าไม่มีเครื่องวัดสี
เทียบกับหลอดมาตรฐานได้)
|
|
|
I Reader : เครื่องวัดสีอย่างง่าย วัดได้ทั้งค่าการดูดกลืนแสง และปริมาณไอโอดีน |
|
สีที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างไอโอเดทในเกลือกับ
I-Reagent มีความคงทนเป็นวัน |
สีที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างไอโอเดทในเกลือกับ
I-Reagent มีความคงทนเป็นวัน ทำให้สามารถวัดตัวอย่างได้ครั้งละมาก ๆ ทำให้ใช้เวลาในการวิเคราะห์สั้นมาก
และสามารถเลือกวัดในเวลาที่สะดวกได้
|
|
I-Reagent มีความแม่นยำสูง |
วิธีการวัดปริมาณไอโอเดทในเกลือเสริมไอโอดีนโดยใช้
I-Reagent นี้มีความแม่นยำสูงในระดับ 3-100 พีพีเอมไอโอดีน ดังที่ดูได้จากค่า
% coefficient of variation ที่นอกจากจะมีค่าไม่เกิน 10 แล้ว ยังมีค่าค่อนข้างต่ำ
กล่าวคือการวิเคราะห์ที่ 3 พีพีเอมไอโอดีนมีค่า % CV ประมาณ 3.5 ขณะที่การวิเคราะห์ที่ช่วงสูง
10-100 พีพีเอมไอโอดีน มีค่า % CV ประมาณ 0.43-1.7
|
ความแม่นยำของการวัดโดยใช้
I-Reagent
|
ppm
ไอโอดีน
|
mean of ppm iodine (n = 10)
|
SD
|
%
CV
|
2
3
5
10
20
50
80
100
|
1.77
2.77
4.49
9.04
30.71
50.90
79.46
99.37
|
0.234
0.093
0.080
0.159
0.458
0.637
0.710
0.435
|
3.09
3.35
1.72
1.76
1.49
1.25
0.89
0.43
|
|
|
I-Reagent ใช้แทนไตเตรชั่นได้ |
วิธี
การหาปริมาณไอโอดีนโดยใช้น้ำยาสำเร็จรูป
I-Reagent สามารถใช้ทดแทนวิธีการเดิมที่ใช้กันในปัจจุบันคือ
titration ซึ่งไม่สะดวกนัก
และยังคงใช้เวลานานต่อหนึ่งตัวอย่าง
ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถวัดปริมาณไอโอเดทในตัวอย่างเกลือเสริม
ไอโอดีนจากโรงงานเกลือ
และแหล่งผลิตเกลือต่าง ๆ ได้ทันต่อเวลา
ซึ่งเป็นปัญหาในการควบคุมมาตรฐานของเกลือเสริมไอโอดีนทั่วประเทศ
ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงสาธารณสุข |
เปรียบเทียบความถูกต้องระหว่างวิธีวัดสีและวิธีไตเตรชั่น |
|
เมื่อเทียบกับวิธีมาตรฐาน คือ titration พบว่าค่า ppm ไอโอดีนที่ได้จาก I-Reagent
ได้ผลไม่ต่างไปจากวิธี titration เลย ดังจะดูได้จาก correlation coefficient
มีค่าเท่ากับ 0.9887 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้ง 2 วิธีการมีความสัมพันธ์กันสูงมาก
นอกจากนี้การวิเคราะห์ด้วย
pair t-test ก็สนับสนุนผลของ correlation coefficient ว่าทั้ง 2 วิธีให้ผลการวิเคราะห์ที่ไม่ต่างกัน
และจากการใช้สถิติ
kappa analysis ซึ่งได้ค่า kappa สูงถึง 0.924 แสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 วิธีนี้มีความสอดคล้องกันดีมาก
|
ประโยชน์ของ
I-Reagent |
ทำให้ทราบประมาณไอโอเดทที่ควรใส่เพื่อให้เกลือมีไอโอดีน
30 ppm ไม่ใช่มากไป (50-70 ppm) หรือน้อยไป (8-15 ppm) อย่างที่ยังพบอยู่ในปัจจุบัน |
การควบคุมคุณภาพของเกลือเสริมไอโอดีนทำได้สะดวก
และกว้างขวางขึ้น ทั้งจากฝ่ายผู้ผลิต สาธารณสุขจังหวัดเอง ชุมชน และจากโรงเรียนในท้องถิ่น |
โรงเรียนได้รับการพัฒนากระบวนการเรียนการสอน
โดยใช้เครื่องมือที่มีอยู่แล้วในโรงเรียน |
|
การตรวจไอโอดีนในเกลือโดยวิธีวัดสีมีขั้นตอนน้อย
สามารถถ่ายทอดให้คนได้ง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้สอนภาคปฏิบัติการในโรงเรียน
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมปลาย โดยเฉพาะในโรงเรียนที่มีเครื่องมือ spectrophotometer
หรือแม้แต่เครื่องมือวัดสีอย่างง่าย ๆ เพราะจะให้ประโยชน์ ทั้งด้านหลักการทางด้านวิทยาศาสตร์
ด้านสุขภาพ และด้านโภชนาการ และยังเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ขณะที่ค่าใช้จ่ายของปฏิบัติการนี้ต่ำมาก
|
|
| | | | | | | | | |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น